World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 23, 2017 08:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยรายงานระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม แม้กรรมการเฟดส่วนหนึ่งยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อก็ตาม

"กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) ครั้งต่อไปในเดือนธ.ค.นั้น ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม หากข้อมูลที่เราได้รับมาบ่งชี้ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะกลางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง" รายงานการประชุมระบุ

-- ราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 6.4 ล้านบาร์เรล

-- ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดเหนือระดับ 30,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีเมื่อวานนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีน

-- กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสิงคโปร์ (MTI) เปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ได้ขยายตัว 8.8% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่ามีการขยายตัวเพียง 6.3% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความแข็งแกร่งในภาคการผลิต

-- สำนักงานเพื่อความรับผิดชอบด้านงบประมาณ (OBR) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะขยายตัว 1.5% ในปีนี้ โดยลดลงจากระดับ 2.0% ที่มีการคาดการณ์ในเดือนมี.ค. ขณะเดียวกัน OBR คาดว่า เศรษฐกิจจะเติบโต 1.4% ในปีหน้า ลดลงจากระดับ 1.6% ที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ OBR ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวในปี 2562 และ 2563 สู่ระดับ 1.3% ทั้ง 2 ปี จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.7% และ 1.9% ก่อนหน้านี้

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 1.2% ในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 2.2% ในเดือนก.ย.

การร่วงลงของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ ขณะที่คำสั่งซื้อรถยนต์ปรับตัวขึ้น

-- สหรัฐระบุว่า การที่รัฐบาลเมียนมาใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อชาวโรฮิงญาถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และสหรัฐจะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่โหดร้ายดังกล่าว

นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์ว่า "สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ ถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา สหรัฐจะใช้กฎหมายและการคว่ำบาตรต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว ซึ่งทำให้ชาวโรฮิงญาหลายแสนคนต้องลี้ภัยไปยังบังกลาเทศ" เขากล่าว

-- สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก จะเสด็จเดินทางเยือนเมียนมา และบังกลาเทศในวันที่ 26 พ.ย.-2 ธ.ค. เพื่อหวังแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา

ในการเดินทางเยือนเมียนมา สมเด็จพระสันตะปาปาจะพบปะกับผู้นำกองทัพของเมียนมาเป็นการส่วนตัวที่บ้านพักของบิชอปในกรุงย่างกุ้ง ส่วนในการเดินทางเยือนบังกลาเทศนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาจะทรงเยี่ยมผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาที่เมืองธากา

-- กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือออกมาประณามสหรัฐ ซึ่งได้ขึ้นบัญชีเกาหลีเหนือในฐานะประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้ายเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี โดยระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวของสหรัฐถือเป็นการยั่วยุที่รุนแรง

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือยังได้คัดค้านการที่สหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อเกาหลีเหนืออีกด้วย

-- อูเบอร์ บริษัทให้บริการรถโดยสารผ่านแอพพลิเคชัน ออกแถลงการณ์ระบุว่า บริษัทถูกแฮกเกอร์ล้วงข้อมูลเกี่ยวกับคนขับรถยนต์ของอูเบอร์ รวมทั้งผู้โดยสารจำนวน 57 ล้านรายในปีที่แล้ว โดย 6 แสนรายเป็นคนขับรถอูเบอร์ในสหรัฐ โดยบริษัทยอมจ่ายเงินจำนวน 1 แสนดอลลาร์ให้แก่แฮกเกอร์เพื่อแลกกับการลบข้อมูลทิ้ง และเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ

-- สำนักข่าว ZBC ของทางการซิมบับเวรายงานว่า นายเอ็มเมอร์สัน เอ็มนันกักวา อดีตรองประธานาธิบดี ซึ่งถูกประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ ปลดออกจากตำแหน่งก่อนหน้านี้ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันศุกร์นี้ หลังจากที่ผู้นำวัย 93 ปีได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้

ขณะนี้นายเอ็มนันกักวาไม่ได้อยู่ในซิมบับเว โดยเขาได้หลบหนีออกนอกประเทศ หลังถูกนายมูกาเบปลดออกจากตำแหน่งรองประธานาธิบดี แต่เขามีกำหนดเดินทางกลับสู่ซิมบับเวเมื่อวานนี้ เวลา 18.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 23.00 น.ตามเวลาไทย

-- ตลาดการเงินจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศยุโรปในวันนี้ โดยมาร์กิตจะเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการประจำเดือนพ.ย.ของเยอรมนี, ฝรั่งเศส และกลุ่มอียู นอกจากนี้ รัฐบาลอังกฤษจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งที่ 2)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ