World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 4 ธันวาคม 2560

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 4, 2017 07:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

วุฒิสภาสหรัฐมีมติรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีด้วยคะแนนเสียง 51-49 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่วนขั้นตอนต่อไปนั้น สภาคองเกรสสหรัฐจะต้องรวมร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรเป็นร่างเดียวกัน และให้การอนุมัติ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมายต่อไป

ในการลงมติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีครั้งนี้ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันทุกคน ยกเว้นนายบ็อบ คอร์กเกอร์ ได้ลงคะแนนเสียงรับรองร่างกฎหมายฉบับนี้ ขณะที่วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตทุกคนลงคะแนนเสียงไม่รับรองร่างกฎหมาย

-- นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาสถานการณ์ "ชัตดาวน์" ในสหรัฐอย่างใกล้ชิด โดยต่างก็รอดูว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะอนุมัติการใช้จ่ายเพื่อให้รัฐบาลมีงบประมาณในการบริหารประเทศหลังจากวันศุกร์ที่ 8 ธ.ค.นี้หรือไม่ ซึ่งหากสภาคองเกรสให้การอนุมัติ ก็จะช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐ หรือชัตดาวน์

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกังวลว่าการลงมติของสภาคองเกรสในครั้งนี้อาจเผชิญกับความไม่แน่นอน หลังจากแกนนำพรรคเดโมแครตได้ประกาศยกเลิกกำหนดการประชุมร่วมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า เขาเชื่อว่าจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆกับพรรคเดโมแครตเพื่อหลีกเลี่ยงการ "ชัตดาวน์" หน่วยงานรัฐบาลได้

-- ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสหรัฐได้กลับมาสร้างแรงกดดันต่อตลาดการเงินอีกครั้ง หลังจากสำนักข่าว ABC รายงานว่า นายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้การซัดทอดทรัมป์ว่าเป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว

นายฟลินน์ได้ออกมายอมรับว่า ตนได้ให้การเท็จต่อสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เกี่ยวกับการสนทนาของเขากับนายเซอร์เกย์ คิซยัค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐ และให้การซัดทอดทรัมป์ว่าเป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว

-- สถานการณ์ Brexit ยังคงเป็นปัจจัยที่ตลาดให้ความสนใจ โดยรัฐสภาอังกฤษจะอภิปรายร่างกฎหมายว่าด้วยการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันนี้ (4 ธ.ค.) ขณะที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะพบปะกับนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธาน EC และนายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่าย EU ในวันนี้เช่น โดยจะมีการหารือกันเกี่ยวกับวงเงินที่อังกฤษต้องจ่ายให้แก่ EU ก่อนที่จะแยกตัวอย่างเป็นทางการ (Brexit), ปัญหาเรื่องชายแดนของไอร์แลนด์ และประเด็นสิทธิพลเมืองของ EU ในอังกฤษ ทั้งนี้ ประเด็นการจ่ายเงินค่า Brexit ดังกล่าว ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่ขัดขวางการเจรจาระหว่างอังกฤษและ EU ก่อนที่อังกฤษมีกำหนดต้องแยกตัวออกจาก EU อย่างเป็นทางการในเดือนมี.ค.2562 โดยนายอันโตนิโอ ทาจานี ประธานรัฐสภายุโรป กล่าวก่อนหน้านี้ว่า อังกฤษควรจ่ายเงินอย่างน้อย 6 หมื่นล้านยูโร สำหรับค่า Brexit เพื่อปฏิบัติตามภาระผูกพันทางการเงิน

-- ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีกำหนดจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า RBA จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ระบุว่า กรรมการ RBA มีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวของอัตราค่าแรง โดยกล่าวว่า อัตราค่าแรงอยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอนว่าจะขยายตัวขึ้นได้รวดเร็วเพียงใด และจะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อมากน้อยเพียงใด

-- ความเคลื่อนไหวของ บิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล ยังคงอยู่ในความสนใจของนักลงทุน โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บิตคอยน์ พุ่งขึ้นเหนือระดับ 10,000 ดอลลาร์ หลังมีข่าวว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐให้การอนุมัติซื้อขายสัญญาบิตคอยน์ในตลาดฟิวเจอร์ส ซึ่งจะส่งผลให้บิตคอยน์ได้รับการยอมรับในฐานะสินทรัพย์ที่ถูกกฎหมาย ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) มีมติอนุมัติต่อคำขอเปิดการซื้อขายสัญญาบิตคอยน์ของ Chicago Mercantile Exchange (CME) ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และ CBOE Global Markets Inc หลังจากที่ CME และ CBOE สามารถแสดงให้เห็นว่าการซื้อขายสัญญาบิตคอยน์สอดคล้องกับกฎระเบียบควบคุมการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ของสหรัฐ

CME เปิดเผยว่า ทางตลาดจะเริ่มทำการซื้อขายสัญญาบิตคอยน์ในวันที่ 18 ธ.ค. โดยจะมีการซื้อขายผ่านระบบอิเลคทรอนิคส์บนแพลทฟอร์ม CME Globex และจะมีการชำระบัญชีเป็นเงินสด ส่วนทางด้าน Nasdaq Inc ก็มีแผนที่จะเปิดการซื้อขายสัญญาบิตคอยน์ในปีหน้าเช่นกัน

-- นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะขยับขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.1%

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย.ของอินโดนีเซีย, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ของญี่ปุ่น, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค.ของอียู และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนต.ค.ของสหรัฐ

-- ส่วนในวันพรุ่งนี้ ไฉซินจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย.ของจีน ขณะที่มาร์กิตจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ และรวมภาคผลิต-บริการเดือนพ.ย.ของอียู, เยอรมนี ฝรั่งเศส และอังกฤษ ส่วนทางด้านสหรัฐจะมีการเปิดเผยดุลการค้าเดือนต.ค., ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ และรวมภาคผลิต-บริการเดือนพ.ย.จากมาร์กิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ