สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ธนาคารพาณิชย์ในจีนกลุ่มหนึ่งได้รวมตัวแสดงจุดยืนคัดค้านมาตรการของธนาคารกลางจีน (PBOC) หลังจากธนาคารกลางได้ออกมาตรการควบคุมธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ของบรรดาสถาบันการเงินในประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวนำมาบังคับใช้กับผลิตภัณฑ์บริหารความเสี่ยงซึ่งออกโดยธนาคารพาณิชย์ บริษัททรัสต์ บริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ด้านการประกัน บริษัทหลักทรัพย์ กองทุน และบริษัทซื้อขายหลักทรัพย์ล่วงหน้า
ธนาคารพาณิชย์กลุ่มนี้ระบุว่า มาตรการดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลกระทบครั้งใหญ่ต่อตลาดการเงิน เช่น ในเรื่องสภาพคล่อง และอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบตามมา
ปัจจุบัน มาตรการดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการร่าง ซึ่งธนาคารพาณิชย์ในประเทศสามารถยื่นหนังสือแสดงข้อคิดเห็น เพื่อหาวิธีแก้ไขมาตรการเหล่านี้ได้
หากมาตรการเหล่านี้มีการออกเป็นกฎบังคับใช้จริงแล้ว ธนาคารพาณิชย์ในจีนอาจจำเป็นต้องขายตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์อื่นๆแบบมีส่วนลด และขอให้ลูกหนี้ชำระเงินคืนก่อนถึงเวลา
การก้าวกระโดดของเทคโนโลยีในระบบการเงินโลก ส่งผลให้จีนเฝ้าระวังมากเป็นพิเศษ โดยนอกเหนือจากธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์แล้ว รัฐบาลจีนยังได้ออกมาตรการควบคุมธุรกิจขนาดเล็กที่ให้บริการเงินกู้ออนไลน์ ซึ่งพุ่งเป้าควบคุมไม่ให้ธุรกิจประเภทนี้โตเร็วเกินไปจนสร้างความเสี่ยงในระบบการเงิน
นอกจากนี้ หน่วยงานกำกับดูแลด้านการธนาคารของจีนยังได้ออกข้อกำหนดเพื่อควบคุมความเสี่ยงของภาคธนาคาร โดยสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศทำการทดสอบภาวะวิกฤต (stress tests) ของอัตราดอกเบี้ย พร้อมทั้งประเมินความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในช่วงเวลาที่จีนกำลังเดินหน้าปฏิรูปการเปิดเสรีอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ทางการจีนยังคงเดินหน้าควบคุมความเสี่ยงในระบบการเงิน โดยนายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ระบบการเงินของจีนกำลังอยู่ในภาวะเปราะบาง และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แม้ว่าภาพรวมของระบบการเงินจีนจะอยู่ในสภาวะที่ดีก็ตาม
นายโจวกล่าวว่า ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นอาจมีลักษณะที่ "ซับซ้อน สร้างผลกระทบ และอันตราย" พร้อมกับเสนอแนะให้ทางจีนดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวด และผลักดันให้ตลาดมีส่วนผลักดันเศรษฐกิจให้มากขึ้น