World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 29 ธันวาคม 2560

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 29, 2017 09:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หากเทียบเป็นรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 3.8% จากเดือนพ.ย. 2559

ส่วนสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าปลีกเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 0.1% จากเดือนต.ค.ที่อยู่ในระดับทรงตัว และเพิ่มขึ้น 1.9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ขณะที่การลดลงของสต็อกสินค้าคงคลัง บ่งชี้ถึงความไม่เชื่อมั่นของภาคธุรกิจต่อยอดขายในอนาคต

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกทรงตัวที่ระดับ 245,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 23 ธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะลดลงมาอยู่ที่ราว 240,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 147 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513

-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ธ.ค.ว่า ลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล จากระดับของสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของวอลล์สตรีท เจอร์นัล คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลงกว่า 3 ล้านบาร์เรล

ขณะที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ระบุก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 6 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ธ.ค.

-- กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า กระทรวงจะยกเว้นการจัดเก็บภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจากกำไรของบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนซ้ำในประเทศ ภายหลังจากที่รัฐบาลจีนเดินหน้าดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามา ขณะที่นานาประเทศได้ประกาศมาตรการที่มีรูปแบบใกล้เคียงกันนี้ เพื่อดึงดูดการลงทุนทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์ระบุในเว็บไซต์ของกระทรวงว่า บริษัทต่างชาติมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการยกระดับด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของจีน ดังนั้น นโยบายใหม่นี้จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีขึ้นสำหรับบริษัทต่างชาติในระยะยาว รวมทั้งยังช่วยผลักดันบริษัทเหล่านี้ให้ขยายขอบเขตการลงทุนในจีนอย่างต่อเนื่อง และกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือแบบวิน-วิน

โดยการยกเว้นภาษีดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2561 ซึ่งหมายความว่า ภาษีที่ได้มีการจ่ายไปในปีนี้ จะได้รับเงินคืน

-- บิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล ปรับตัวลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ หลังจากรัฐบาลเกาหลีใต้ออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุมการเก็งกำไรในการซื้อขายเงินตราดิจิทัล

ราคาบิตคอยน์ ร่วงลงกว่า 1,500 ดอลลาร์ หรือ 10% สู่ระดับ 13,825 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากรัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศมาตรการดังกล่าว

รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดเผยว่า มาตรการที่จะนำมาใช้ในการควบคุมการเก็งกำไรในการซื้อสกุลเงินดิจิทัลได้ ได้แก่ มาตรการระงับการเปิดบัญชีสกุลเงินดิจิทัลของบุคคลนิรนาม และอาจปิดการซื้อขายเงินตราดิจิทัลตามคำแนะนำของกระทรวงยุติธรรม หากจำเป็น

รัฐบาลเกาหลีใต้ระบุว่า "สกุลเงินเสมือนจริง" ไม่สามารถมีบทบาทสำคัญเทียบเท่าสกุลเงินจริง และมีความเสี่ยงที่จะทำให้ขาดทุนอย่างหนัก เนื่องจากความผันผวนที่สูงเกินไป รัฐบาลเกาหลีใต้ยังตั้งข้อสังเกตว่า ราคาของสกุลเงินดิจิทัลเกือบทั้งหมดที่ซื้อขายในตลาดเกาหลีใต้นั้นแพงกว่าในต่างประเทศมาก

-- สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่า ซอฟท์แบงค์ กรุ๊ป คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จในการเสนอซื้อหุ้นจำนวนมากในบริษัทอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ โดยเสนอซื้อในราคาที่ปรับลดลงอย่างมาก

ทั้งนี้ คาดว่าซอฟท์แบงค์จะจำกัดสัดส่วนการถือครองหุ้นอูเบอร์เอาไว้ที่ 15% ในการเสนอซื้อครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่า 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงราว 30% จากการประเมินมูลค่าในช่วงก่อนหน้านี้ที่เกือบ 7.0 หมื่นล้านดอลลาร์

-- แอปเปิล อิงค์ ออกแถลงการณ์ขอโทษผ่านทางเว็บไซต์หลังจากที่ทางบริษัทได้ออกมายอมรับก่อนหน้านี้ว่าได้ทำให้ iPhone รุ่นเก่าทำงานช้าลงเพื่อให้ลูกค้าแก้ไขโดยการเปลี่ยนแบตก้อนใหม่

แอปเปิลระบุว่า ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป บริษัทจะลดราคาให้กับลูกค้าที่เปลี่ยนแบตเตอรี่ก้อนใหม่แทนแบตเก่าที่หมดประกันสำหรับ iPhone 6 หรือ iPhone รุ่นหลังจากนั้น จากราคา 79 ดอลลาร์ เหลือ 29 ดอลลาร์ เพื่อกอบกู้ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ให้กลับมาอีกครั้ง

-- ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันหยุดสิ้นปี

-- จับตาเหตุการณ์สำคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งรวมถึงการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะประกาศแผนการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ วงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมทั้งจับตานโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานเฟด ต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ในเดือนก.พ.ปีหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ