World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 8 มกราคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 8, 2018 08:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อวันศุกร์ (5 ม.ค.) ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนธ.ค. โดยปรับตัวขึ้นเพียง 148,000 ตำแหน่ง ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี

-- ตลาดหุ้นนิวยอร์กทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อวันศุกร์ (5 ม.ค.) จากการที่นักลงทุนมองว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดนั้น จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเช่นกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,295.87 จุด พุ่งขึ้น 220.74 จุด หรือ +0.88% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,743.15 จุด เพิ่มขึ้น 19.16 จุด หรือ +0.70% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,136.56 จุด เพิ่มขึ้น 58.64 จุด หรือ +0.83%

-- ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 สู่ระดับ 3.14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือนธ.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.07 หมื่นล้านดอลลาร์จากเดือนก่อนหน้านั้น

ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดเล็กน้อย โดยตลาดคาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 3.13 ล้านล้านดอลลาร์

-- สถานการณ์ตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีเริ่มส่งสัญญาณผ่อนคลายลงในระดับหนึ่ง หลังจากเกาหลีเหนือได้ตอบรับคำเชิญจากเกาหลีใต้ในการประชุมที่หมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งเป็นเขตปลอดทหารระหว่างชายแดนของประเทศทั้งสองในวันที่ 9 ม.ค. เพื่อหารือเกี่ยวกับการที่เกาหลีเหนือจะส่งตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวซึ่งเกาหลีใต้จะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในเดือนหน้า

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยว่า ตนมีความยินดีในการเจรจาทางโทรศัพท์กับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ พร้อมกับแสดงความคาดหวังว่า การเจรจาระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ที่จะมีขึ้นนี้ จะปิดฉากลงด้วยผลลัพธ์อันดี

-- นายสตีฟ แบนนอน อดีตหัวหน้านักวางกลยุทธ์ประจำทำเนียบขาว ได้ออกมากล่าวขอโทษในกรณีที่เขาได้แสดงความเห็นในหนังสือเล่มใหม่ซึ่งมีเนื้อหาโจมตีบุตรชายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเป็นคนทรยศต่อประเทศชาติ หลังจากที่บุตรชายของทรัมป์ได้พบปะกับทนายความชาวรัสเซียที่อาคารทรัมป์ทาวเวอร์เมื่อปี 2559

ทั้งนี้ นายแบนนอนได้แถลงผ่านเว็บไซต์ Axios เพื่อกล่าวคำขอโทษ โดยมีใจความว่า "โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ เป็นคนดีและรักชาติ เขามุ่งมั่นสนับสนุนคุณพ่อของเขาและผลักดันนโยบายต่างๆซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นต่อประเทศของเรา"

"การแสดงความเห็นในหนังสือเล่มนั้น ผมตั้งใจจะกล่าวถึงนายพอล มานาฟอร์ท หนึ่งในทีมหาเสียงที่มีประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับรัสเซีย เขาควรรู้ว่ารัสเซียนั้นเจ้าเล่ห์และไม่ใช่เพื่อนของเรา" นายแบนนอนกล่าว

นอกจากนี้ นายแบนนอนยืนยันว่า เขาจะสนับสนุนปธน.ทรัมป์และนโยบายต่างๆของทรัมป์ต่อไป พร้อมกับกล่าวคำขอโทษที่เขาออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ช้าเกินไป

-- หนังสือพิมพ์ซันเดย์ ไทมส์ รายงานว่า นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์แห่งสหราชอาณาจักร เตรียมประกาศปรับคณะรัฐมนตรีในวันนี้ โดยคาดว่าจะดึงนักการเมืองสาวและผู้ที่มีเชื้อชาติอื่นๆเข้ามาดำรงตำแหน่งกันมากขึ้น เพื่อเรียกคะแนนนิยมจากประชาชน

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ในอังกฤษเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ กำลังพิจารณาปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยเตรียมที่จะปรับเปลี่ยนตำแหน่งของนายเดวิด เดวิส รัฐมนตรีฝ่ายกิจการ Brexit และนายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศคนปัจจุบัน

-- สถานการณ์การเมืองในมาเลเซียเริ่มกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง เมื่อกลุ่มพันธมิตรฝ่ายค้านในมาเลเซียได้ประกาศเลือกนายมหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนลงชิงชัยเก้าอี้นายกฯในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะจัดขึ้นในปีนี้

การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างการประชุมประจำปีของกลุ่มปากาตัน ฮาราปัน หรือ "กลุ่มพันธมิตรแห่งความหวัง" โดยนายมหาเธร์ วัย 92 ปีเคยดำรงตำแหน่งนายกฯมาเลเซียระหว่างปี 2524-2546

-- บริษัท ทาคาตะ คอร์ป ผู้ผลิตถุงลมนิรภัยรายใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์สินจากการล้มละลาย เพื่อคลี่คลายปัญหาหนี้สินมูลค่ามหาศาลจากกรณีการเรียกคืนถุงลมนิรภัยทั่วโลกนั้น ได้ประกาศเรียกคืนถุงลมนิรภัยเพิ่มอีก 3.3 ล้านชิ้น ตามคำสั่งของทางการสหรัฐ

ทั้งนี้ ความบกพร่องของถุงลมนิรภัยทาคาตะได้ส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ 19 แห่งทั่วสหรัฐต้องประกาศเรียกคืนรถยนต์รวมกว่า 42 ล้านคัน นอกจากนี้ ความบกพร่องของถุงลมนิรภัยยังส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 รายในสหรัฐ

-- นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้กล่าวแสดงความพึงพอใจต่อผลงานของนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในแง่ของการจ้างงาน พร้อมขอให้ผู้ว่าการ BOJ เดินหน้าต่อไปเพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศพ้นจากภาวะเงินฝืดที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลาถึง 20 ปี

นายอาเบะยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมที่จะร่วมงานกับทางแบงก์ชาติต่อไป เพื่อให้ญี่ปุ่นพ้นจากภาวะเงินฝืดโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ดี นายอาเบะยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะแต่งตั้งให้นายคุโรดะ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ BOJ อีกสมัยหรือไม่ โดยนายคุโรดะจะหมดวาระในเดือนเมษายนนี้

-- นายเอมมานูเอล มาครอง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส มีกำหนดเดินทางเยือนประเทศจีนในระหว่างวันที่ 8-10 ม.ค.นี้ โดยการเดินทางเยือนครั้งนี้ นายมาครองมีกำหนดพบปะกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน โดยผู้นำจีนและฝรั่งเศสจะหารือกันเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันมากขึ้น

ทางด้านบริษัทแอร์บัส ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของฝรั่งเศส ได้แสดงความคาดหวังว่าทางบริษัทจะได้รับคำสั่งซื้อเครื่องบินล็อตใหญ่จากจีน ในระหว่างที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเดินทางเยือนประเทศจีนในครั้งนี้ โดยคาดว่าจีนจะสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสอย่างน้อย 100 ลำเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับฝูงบินของสายการบินต่างๆในประเทศจีน

-- นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ เพื่อจับสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ของเฟด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนธ.ค. ในวันพฤหัสบดีที่ 11 ม.ค. และจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค. ในศุกร์ที่ 12 ม.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาตัวเลขเงินเฟ้องของจีนในสัปดาห์นี้เช่นกัน โดยทางการจีนจะเปิดเผยดัชนี CPI เดือนธ.ค. และดัชนี PPI เดือนธ.ค. ในวันพุธที่ 10 ม.ค.นี้

-- ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ย.ของเยอรมนี, ดัชนีราคาบ้านเดือนธ.ค.ของอังกฤษจากฮาลิแฟกซ์ ขณะที่ยูโรสแตทจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของอียูหลายรายการ ซึ่งรวมถึงความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนธ.ค., ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนธ.ค., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. และยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.

สำหรับในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการ ซึ่งรวมถึง ดุลการค้าเดือนพ.ย., ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย., และอัตราว่างงานเดือนพ.ย. ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมเดือนธ.ค. โดยสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ