หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี ของทางการจีน รายงานว่า นักวิจัยของธนาคารกลางจีน (PBOC) มีความเห็นตรงกันว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเป็นแนวทางที่เหมาะสมในอนาคตอันใกล้ เพื่อเป็นเครื่องมือควบคุมภาวะฟองสบู่และปัญหาหนี้สิน นอกจากนี้ แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ราคาภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นเช่นเดียวกับศักยภาพการทำกำไรของภาคธุรกิจ
รายงานดังกล่าวระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยประกอบกับมาตรการจัดการกับการผลิตส่วนเกินนั้น จะเข้ามาช่วยควบคุมไม่ให้หนี้สินขยายตัว และทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนปรับตัวเพิ่มขึ้นในท้ายที่สุด
เมื่อกลางเดือนธ.ค.ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) และอัตราดอกเบี้ย reverse repo ขึ้น 0.05% หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
ธนาคารกลางจีนได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) ประเภท 7 วัน สู่ระดับ 2.5% จากระดับ 2.45% และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย reverse repo ประเภท 28 วัน สู่ระดับ 2.8% จากระดับ 2.75%
นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย MLF ประเภท 1 ปี สู่ระดับ 3.25% จากระดับ 3.20%
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย MLF ถือเป็นเครื่องมือด้านนโยบายที่ธนาคารกลางนำมาใช้เพื่อจัดการภาวะด้านการเงินและอัตราดอกเบี้ยระยะกลางในระบบการเงินและตลาดเงิน ให้เป็นไปอย่างสมดุล ส่วนอัตราดอกเบี้ย reverse repo นั้น เป็นการดำเนินงานทางตลาดเงิน (Open Market Operations) หรือ OMO