World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 11 มกราคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 11, 2018 09:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทางการแคนาดาเชื่อว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะประกาศนำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ในเร็วๆนี้ หลังผลการเจรจาที่ผ่านมานั้นไม่คืบหน้าเท่าที่ควร

ข้อตกลง NAFTA เป็นข้อตกลงการค้าเสรีระหว่าง 3 ประเทศด้วยกัน ได้แก่ แคนาดา เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา โดยตัวแทนจากทั้ง 3 ประเทศนี้มีกำหนดการเปิดการเจรจารอบที่ 6 วันที่ 23-28 ม.ค.นี้ ซึ่งตลาดกำลังจับตาเพื่อประเมินท่าทีของสหรัฐต่อไป หลังปธน.ทรัมป์ได้ขู่ที่จะนำสหรัฐออกจากข้อตกลงดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง หากบรรลุข้อตกลงร่วมกันไม่ได้

-- บลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่จีนซึ่งมีหน้าที่พิจารณาการถือครองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ได้เสนอให้รัฐบาลจีนชะลอ หรือยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

แหล่งข่าวระบุว่า พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเริ่มมีความน่าดึงดูดลดน้อยลง เมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ นอกจากนี้ ความตึงเครียดของความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้จีนลดการซื้อพันธบัตรสหรัฐ

ทั้งนี้ จีนนับเป็นผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรายใหญ่ที่สุดในโลก และมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสูงที่สุดในโลก

-- พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลงเมื่อคืนนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรดีดตัวขึ้น ท่ามกลางความวิตกที่ว่า จีนอาจยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อคืนนี้ โดยอยู่ที่ระดับ 2.597% หลังจากดีดตัวทะลุ 2.50% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะซบเซาของตลาดพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.944%

-- นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวว่า เขาไม่สามารถออกความเห็น หลังมีข่าวว่า จีนอาจยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

"ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนได้ใช้แนวทางต่างๆในการปรับสมดุลของพอร์ทพันธบัตรระหว่างประเทศ" เขากล่าว และเสริมว่า เขายังไม่ได้เห็นรายงานข่าวดังกล่าว

-- จีนออกมาตรการคุมเข้มทางการเงินในช่วงเริ่มต้นปีใหม่หลายมาตรการ เพื่อลดความเสี่ยงในระบบการเงิน โดยหนึ่งในนั้นคือการออกกฎให้ธนาคารจำกัดการปล่อยกู้ให้กับผู้กู้ที่มีความน่าเชื่อถือน้อย

รายงานข่าวระบุว่า คณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคารของจีน (CBRC) ได้สั่งการให้ธนาคารพาณิชย์วางมาตรการเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากธุรกิจสินเชื่อ โดยธนาคารต่างๆจะต้องจำกัดความเสี่ยงด้านเครดิตจากลูกค้าแต่ละราย

ส่วนในธุรกิจประกันภัยนั้น ทางคณะกรรมการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของจีน (CIRC) ได้ออกกฎป้องกันไม่ให้บริษัทประกันภัยนำเงินไปลงทุนในหุ้น เพื่อควบคุมปัญหานี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ร่วมกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, CBRC และ CIRC เตรียมเข้าไปกำกับดูแลการซื้อขายพันธบัตรเพื่อให้เกิดสภาพคล่องด้วย

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 0.8% โดยสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระดับ 0.7% หลังจากที่ร่วงลง 0.4% ในเดือนต.ค.

หากไม่นับรวมหมวดรถยนต์ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพื้นฐาน ซึ่งใช้ในการคำนวณตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย.

-- สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (NIESR) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษในไตรมาส 4/2560 ขยายตัว 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2560 ที่ขยายตัว 0.4%

ทั้งนี้ การขยายตัวดีขึ้นของ GDP ในไตรมาส 4/2560 ส่งผลให้ NIESR เชื่อมั่นว่า GDP ตลอดปี 2560 ของอังกฤษจะขยายตัวราว 1.8%

-- -นายมูน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สมควรได้รับการยกย่องที่ได้ช่วยให้เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้สามารถจัดการเจรจาขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี

"ผมคิดว่าท่านประธานาธิบดีทรัมป์สมควรได้รับการยกย่องที่ทำให้การเจรจานี้เกิดขึ้น ซึ่งผมขอแสดงความขอบคุณมา ณ ที่นี้ โดยสิ่งนี้เป็นผลมาจากการที่สหรัฐเป็นผู้นำในการใช้มาตรการคว่ำบาตร และกดดันเกาหลีเหนือ" นายมูนกล่าว

คำกล่าวของนายมูนมีขึ้น หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความแสดงความยินดีที่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้อาจจัดการเจรจาโดยตรงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี และปธน.ทรัมป์ยังอ้างว่าเขาควรได้รับการยกย่องจากการเจรจาที่อาจเกิดขึ้น

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ของฝรั่งเศส, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ตลอดปี 2560 ของเยอรมนี, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ของสหภาพยุโรป (อียู), ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ

สำหรับในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนพ.ย. ขณะที่จีนจะเปิดเผยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนธ.ค.,ยอดนำเข้า, ส่งออก และดุลการค้าเดือนธ.ค., ยอดปล่อยกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนเดือนธ.ค. และยอดขายรถยนต์เดือนธ.ค ด้านสหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค.และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ