World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 12 มกราคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 12, 2018 08:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นอกเหนือจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบแล้ว ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากถ้อยแถลงของนายนายซูฮาอิล อัล-มาซรูเอ รมว.พลังงานและอุตสาหกรรมของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ว่า กลุ่มประเทศโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก เช่น รัสเซีย อาจจะยังคงจับมือเป็นพันธมิตรกันต่อไป แม้ข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันจะสิ้นสุดลงในสิ้นปีนี้ก็ตาม

-- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.เมื่อคืนนี้ โดยระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB จะทำการทบทวนแนวทางการสื่อสารของ ECB ในต้นปีนี้ และจะทำการปรับการใช้ถ้อยคำในแถลงการณ์ของการประชุมอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวมากขึ้น

รายงานการประชุมดังกล่าวบ่งชี้ว่า ECB จะตัดถ้อยคำที่ว่า "ECB จะซื้อพันธบัตรจนกระทั่งอัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของ ECB" และเป็นการส่งสัญญาณว่า ECB พร้อมจะลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งมีมูลค่า 2.55 ล้านล้านยูโร โดยจะถอนตัวจากการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

รายงานดังกล่าวแสดงว่า คณะกรรมการ ECB มองว่าการสื่อสารเกี่ยวกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยจะได้รับความสำคัญมากขึ้น ขณะที่การซื้อพันธบัตรจะมีบทบาทลดลงในฐานะเครื่องมือด้านนโยบายของ ECB

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เรียกร้องอีกครั้งหนึ่งเมื่อวานนี้ให้มีการเก็บภาษีบริษัทที่ขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ต หลังจากที่เขาเคยเรียกร้องก่อนหน้านี้ในเดือนที่แล้ว

"โลกอินเทอร์เน็ตจะต้องเริ่มจ่ายภาษีขาย เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมต่อผู้ค้าปลีกของเราทั่วสหรัฐที่ต้องปิดกิจการลง" ปธน.ทรัมป์กล่าว

-- สำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) ออกแถลงการณ์ชี้แจงผ่านเว็บไซต์เมื่อวานนี้ว่า รายงานข่าวที่ออกมาว่าทางการจีนกำลังพิจารณาชะลอหรือยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐนั้น อาจเกิดจากข้อมูลที่คลาดเคลื่อน และอาจเป็น "ข่าวลวง"

"ข่าวดังกล่าวอาจจะอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง" SAFE กล่าวในแถลงการณ์บนเว็บไซต์

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของ SAFE มีขึ้นหลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวเมื่อวานนี้ว่า เจ้าหน้าที่จีนซึ่งมีหน้าที่พิจารณาการถือครองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ได้เสนอให้รัฐบาลจีนชะลอ หรือยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

-- สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.0 แมกนิจูดในพื้นที่ตอนกลางของประเทศเมียนมา ในช่วงเช้าวันนี้

รายงานของ USGS ระบุว่า จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ที่ระดับความลึก 10 กิโลเมตร ห่างจากพื้นที่ตอนเหนือ-ตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองบาโก ออกไปประมาณ 120 กิโลเมตร และหลังจากนั้นได้เกิดแผ่นดินไหวตามมาอีก 3 ครั้ง ซึ่งวัดความรุนแรงได้ 5.3 แมกนิจูด

-- ตลาดสกุลเงินดิจิทัลทรุดหนักเมื่อวานนี้ โดยบิตคอยน์ อีเธอเรียม และริพเพิล ต่างดิ่งลง หลังมีข่าวว่า รัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมออกคำสั่งห้ามการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด

นายปาร์ก ซาง-กี รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ทางกระทรวงกำลังร่างกฎหมายเพื่อที่จะยุติการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดในประเทศ เพื่อลดความร้อนแรงของสกุลเงินเหล่านี้

เขากล่าวว่า กระทรวงกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับกระแสความคลั่งไคล้สกุลเงินดิจิทัล และการยุติการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลคือเป้าหมายหนึ่งที่กระทรวงวางไว้ โดยเขาระบุว่า การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลในขณะนี้มีความคล้ายคลึงการพนันและการเก็งกำไร

เกาหลีใต้ถือเป็นตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก โดยมีสัดส่วนการซื้อขายบิตคอยน์ 6-12% ของปริมาณการซื้อขายทั่วโลก ขณะที่มีการซื้อขายอีเธอเรียม 14% และริพเพิล 33%

-- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในรายงานเบื้องต้นวันนี้ว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 1.35 ล้านล้านเยน (1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนพ.ย. โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายได้ที่แข็งแกร่งจากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ซึ่งส่งผลให้ญี่ปุ่นทำสถิติเกินดุลบัญชีเดินสะพัดติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 41 เดือน สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ยอดนำเข้าเดือนพ.ย.ของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งกว่ายอดส่งออก โดยพุ่งขึ้น 17.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 6.59 ล้านล้านเยน เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 13.9% สู่ระดับ 6.77 ล้านล้านเยน โดยได้ปัจจัยหนุนจากการส่งออกอุปกรณ์เซมิคอนดัคเตอร์และรถยนต์ที่ปรับตัวสูงขึ้น

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 261,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะลดลงสู่ระดับ 245,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะเดียวกัน ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.1% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.2559 หลังจากที่ได้เพิ่มขึ้น 0.4% ติดต่อกัน 2 เดือน โดยการร่วงลงของดัชนี PPI ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาในภาคบริการ

-- ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนธ.ค. จากนั้นเป็นยอดนำเข้า, ส่งออก และดุลการค้าเดือนธ.ค. ยอดปล่อยกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนเดือนธ.ค. และยอดขายรถยนต์เดือนธ.ค.

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ