World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 22 มกราคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 22, 2018 09:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเที่ยงวันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาไทย หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงได้เพียงพอที่จะผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อช่วยให้รัฐบาลกลางสหรัฐมีงบประมาณในการดำเนินงานต่อไปเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์

-- นางซาราห์ ฮัคคาบี แซนเดอร์ส โฆษกประจำทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โทรศัพท์พูดคุยกับแกนนำสภาคองเกรสและสมาชิกหลายคนในคณะทำงานของรัฐบาลเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ เกี่ยวกับผลกระทบของการที่หน่วยงานของรัฐบาลบางส่วนได้ถูกชัตดาวน์ หลังจากวุฒิสภาไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว

นางแซนเดอร์สกล่าวว่า "คณะทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังทำงานกันอย่างหนัก เพื่อเร่งผลักดันให้หน่วยงานของรัฐบาลสามารถกลับมาดำเนินงานได้อีกครั้ง และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าบรรดาทหารและครอบครัวของพวกเขา รวมทั้งเด็กๆผู้ด้อยโอกาส และชาวอเมริกันทุกคน จะได้รับการดูแลต่อไป"

-- ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 94.4 ในกลางเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีจะดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 97.0 หลังจากอยู่ที่ระดับ 95.9 ในเดือนธ.ค.

นายริชาร์ด เคอร์ติน หัวหน้านักวิเคราะห์สำหรับการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค กล่าวว่า ผู้บริโภคกังวลต่อความล่าช้าในการได้รับอานิสงส์จากมาตรการปฏิรูปภาษี

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ ฐานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล

-- นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐในเดือนหน้าว่า ทรัมป์จะดำเนินมาตรการที่แข็งกร้าวต่อจีนในประเด็นการค้าหรือไม่ โดยตลอด 1 ปีที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐนั้น เขาไม่สามารถสกัดการขยายตัวของยอดเกินดุลการค้าที่จีนมีต่อสหรัฐได้

ในช่วงที่ผ่านมานั้น ทรัมป์ไม่ได้ใช้มาตรการที่แข็งกร้าวเกี่ยวกับนโยบายการค้ากับจีน เพียงแต่สั่งการให้คณะทำงานของเขาเร่งศึกษาปัญหาต่างๆที่ทำให้สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีน แทนการใช้นโยบายคุมเข้มเกี่ยวกับภาษีนำเข้า

ส่วนเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้มีโอกาสหารือทางโทรศัพท์ร่วมกันนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน โดยนายสีกล่าวว่า จีนและสหรัฐควรหาวิธีที่สร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจและการค้าที่ทั้งสองประเทศต่างก็เผชิญอยู่ในขณะนี้ โดยผ่านการเปิดตลาดซึ่งกันและกัน ซึ่งจะทำไปสู่การรับผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นร่วมกัน

-- พรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD) ของเยอรมนีได้ตกลงที่จะเจรจาเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) ของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา พรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU), CSU และพรรค SPD ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล โดยข้อตกลงที่แกนนำทั้ง 3 พรรคเห็นพ้องกันในวันดังกล่าวนั้น รวมถึงการทำข้อตกลงกันว่าจะไม่มีการปรับขึ้นภาษี และจะจำกัดจำนวนผู้อพยพเข้าประเทศให้อยู่ในช่วง 180,000-220,000 คนต่อปี รวมทั้งตกลงที่จะสร้างความเข้มแข็งให้แก่สหภาพยุโรป (EU) ด้วยการให้เยอรมนีสมทบเงินช่วยเหลือ EU มากขึ้น

-- คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือจะส่งนักกีฬา 22 ราย พร้อมด้วยโค้ชและเจ้าหน้าที่อีก 24 ราย เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในเดือนหน้าที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยคณะนักกีฬาดังกล่าวจะเข้าร่วมในการแข่งขันกีฬา 3 รายการ โดยการเข้าร่วมในการแข่งขันของเกาหลีเหนือครั้งนี้ได้รับความเห็นชอบในที่ประชุมระหว่างนายโทมัส บาค ประธาน IOC คณะผู้จัดงานการแข่งขัน และคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกของทั้ง 2 ประเทศ

ทั้งนี้ ผู้แทนเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะร่วมเดินขบวนเข้าสู่พิธีเปิดการแข่งขันภายใต้ชื่อ "เกาหลี" รวมทั้งถือธงรวมชาติเกาหลี โดยเปิดเพลงอารีรัง

-- นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการประชุมของธนาคารกลางต่างๆในสัปดาห์นี้ โดยในวันพรุ่งนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 22-23 นี้ ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดีนี้ ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BOJ จะยังคงนโยบายการเงินไว้ในการประชุมวันที่ 22-23 มี.ค.นี้ และคาดการณ์ว่า BOJ จะเริ่มคุมเข้มนโยบายในช่วงเดือนก.ย.หรือต.ค.

ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ที่ประชุมเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ในกรอบ 1.25%-1.50% ในการประชุมวันที่ 30-31 ม.ค.นี้

-- นอกเหนือจากการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆแล้ว นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้เช่นกัน โดยในวันนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนธ.ค.จากเฟดสาขาชิคาโก

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ฟิลิปปินส์จะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560 ขณะที่สถาบัน ZEW จะเปิดเผยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนม.ค.ของสหภาพยุโรปและเยอรมนี ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีการผลิตเดือนม.ค.จากเฟดสาขาริชมอนด์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ