World Today: สรุปข่าวน่าติดตามประจำวันที่ 24 มกราคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 24, 2018 09:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ลงนามบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่สำหรับใช้ในที่พักอาศัยและแผงพลังงานแสงอาทิตย์ โดยมาตรการดังกล่าวจะช่วยปกป้องผู้ผลิตในสหรัฐ แต่จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตจากจีนและเกาหลีใต้

ทรัมป์กล่าวในขณะลงนามบังคับใช้มาตรการดังกล่าวว่า "เรากำลังนำธุรกิจกลับคืนสู่สหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี" ขณะที่เจ้าหน้าที่การค้าสหรัฐระบุว่า มาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 7 ก.พ.นี้

-- กระทรวงพาณิชย์จีนแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่สำหรับใช้ในที่พักอาศัยและแผงพลังงานแสงอาทิตย์ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการใช้มาตรการเยียวยาการค้าในทางมิชอบ

ทั้งนี้ จีนเป็นผู้ผลิตแผงพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ที่สุดในโลก และยังส่งออกเครื่องซักผ้าจำนวนกว่า 21 ล้านเครื่องในปีที่ผ่านมา ทำเงินเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์

-- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลการค้าเดือนธ.ค.2560 อยู่ที่ระดับ 3.59 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นการเกินดุลการค้าติดต่อกันเดือนที่ 7 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลง 43.5% จากเดือนธ.ค.ปีก่อนหน้า เนื่องจากยอดนำเข้าขยายตัวมากกว่ายอดส่งออก

ทั้งนี้ ยอดส่งออกเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 7.30 ล้านล้านเยน ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 14.9% สู่ระดับ 6.94 ล้านล้านเยน

-- นาย ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ออกมายืนยันว่า BOJ จะเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินแบบเชิงรุกต่อไป โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังคงอยู่ในระดับต่ำเกินกว่าที่ BOJ จะตัดสินใจถอนมาตรการกระตุ้นทางการเงิน

"เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังขยายตัวในระดับปานกลาง แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงอ่อนแอ ขณะที่ประเทศอื่นๆกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายกัน อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อในประเทศเหล่านั้นเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 1.5% แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมพลังงานในญี่ปุ่นนั้น อยู่เหนือระดับ 0% เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อในญี่ปุ่นยังคงอยู่ห่างจากเป้าหมายที่ระดับ 2% และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ BOJ ยังไม่มีการอภิปรายเรื่องการถอนนโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงรุก" นายคุโรดะกล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้

-- วุฒิสภาสหรัฐมีมติรับรองนายเจอโรม พาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ แทนนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดในวันที่ 3 ก.พ.นี้

ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติรับรองนายพาวเวลด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 85 ต่อ 12 เสียงเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ

-- รัฐบาลสิงคโปร์เปิดเผยว่า 11 ชาติสมาชิกข้อตกลงการค้าเสรีภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) เห็นชอบให้รับข้อตกลงฉบับแก้ไขหลังการประชุมร่วมกันเป็นเวลา 2 วันที่กรุงโตเกียว และมีกำหนดลงนามภายในต้นเดือนมี.ค.นี้

ข้อตกลงฉบับใหม่นี้มีชื่อว่า "ข้อตกลงการค้าเสรีภาคพื้นแปซิฟิกฉบับครอบคลุมและก้าวหน้า" เป็นข้อตกลงเขตการค้าเสรีที่แก้ไขจากข้อตกลงฉบับก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกเมื่อไม่นานมานี้

-- ทางการเกาหลีใต้ประกาศห้ามการใช้บัญชีธนาคารที่ไม่เปิดเผยชื่อเจ้าของบัญชีทำการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลเมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการฟอกเงิน ขณะที่ผู้ที่มีกระเป๋าเงินดิจิทัลแต่ไม่ระบุตัวตน จะต้องทำการผูกกระเป๋าเข้ากับบัญชีธนาคารที่ใช้ชื่อจริง และทำการยืนยันข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้ เกาหลีใต้นับเป็นตลาดซื้อขายบิตคอยน์ และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากญี่ปุ่น และสหรัฐ โดยมีสัดส่วนการซื้อขายบิตคอยน์ 6-12% ของปริมาณการซื้อขายทั่วโลก ขณะที่มีการซื้อขายอีเธอเรียม 14% และริพเพิล 33%

-- นางอดีนา ฟรีดแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของตลาด Nasdaq กล่าวว่า Nasdaq กำลังพิจารณาการออกสัญญาฟิวเจอร์สของสกุลเงินดิจิทัล แต่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากที่ CBOE Global Markets Inc และ Chicago Mercantile Exchange (CME) ได้ทำการออกบิตคอยน์ฟิวเจอร์สก่อนหน้านี้

"เรากำลังพิจารณาแนวคิดในการออกสัญญาฟิวเจอร์สของสกุลเงินดิจิทัลกับพันธมิตรอีกรายหนึ่ง และเรากำลังพิจารณาการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้มั่นใจว่าเรามีการจัดเตรียมโปรโตคอลที่ถูกต้อง และมั่นใจว่ามีความต้องการที่เพียงพอในตลาด และสัญญาฟิวเจอร์สของเราจะแตกต่างจากสิ่งที่คู่แข่งได้นำเสนออยู่ในขณะนี้" นางฟรีดแมนกล่าว
  • คาร์ฟูร์ บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส ประกาศลดจำนวนพนักงาน 2,400 คนในฝรั่งเศส เพื่อลดค่าใช้จ่าย ขณะที่บริษัทจะหันไปเพิ่มการลงทุนในตลาดออนไลน์

คาร์ฟูร์แถลงว่า บริษัทจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงประสิทธิภาพ และความสามารถในการแข่งขันในการให้บริการต่อลูกค้า ตามโครงการ"คาร์ฟูร์ 2022" ซึ่งทำให้บริษัทจำเป็นต้องลดต้นทุน และใช้นโยบายการลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

-- เจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยแผนการลงทุนวงเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์จากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารจะได้รับประโยชน์จากมาตรการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน เชส ระบุว่า แผนการดังกล่าวมีระยะเวลา 5 ปี โดยธนาคารจะเพิ่มค่าจ้างเฉลี่ย 10% สำหรับพนักงานจำนวน 22,000 คน โดยอยู่ในช่วง 15-18 ดอลลาร์/ชั่วโมง

นอกจากนี้ เจพีมอร์แกน เชสจะรับพนักงานเพิ่มอีก 4,000 คน ขณะที่จะเปิดสาขาในเมืองใหม่ๆ จำนวน 400 สาขา และเพิ่มการปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจรายย่อยอีก 4 พันล้านดอลลาร์ รวมถึงเพิ่มวงเงินสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอีก 25% สู่ระดับ 5 หมื่นล้านดอลลาร์

-- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีกำหนดจัดการประชุมนโยบายการเงินและแถลงอัตราดอกเบี้ยในวันพรุ่งนี้ โดยก่อนหน้านี้ นายอาร์โด แฮนสัน กรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB ได้ออกมาส่งสัญญาณว่า ECB อาจประกาศยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังจากเดือนก.ย.นี้ หากเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อมีการปรับตัวตามที่ ECB คาดการณ์ไว้

-- นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยทางการมาเลเซียจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ขณะที่มาร์กิตจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนม.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.ของฝรั่งเศส เยอรมนี สหภาพยุโรป และสหรัฐ ขณะที่ทางการสหรัฐเองก็จะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย., ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2560 ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากสถาบัน GfK และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ