World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 5 มีนาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 5, 2018 08:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลง 70.92 จุด หรือ -0.29% สู่ระดับ 24,538.06 จุด เมื่อวันศุกร์ (2 มี.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% ในสัปดาห์นี้ โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ

ทางด้านนักวิเคราะห์เตือนว่า การเรียกเก็บภาษีนำเข้าแทนที่จะช่วยปกป้องการจ้างงานในสหรัฐ จะกลับเป็นปัจจัยทำลายการจ้างงานในประเทศ เนื่องจากการเก็บภาษีจะทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้เหล็กและอลูมิเนียม ซึ่งก็คืออุตสาหกรรมรถยนต์และน้ำมันของสหรัฐ

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป หากสหภาพยุโรป (EU) ตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมด้วยการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ

ทรัมป์ทวีตข้อความขู่ว่า "หากสหภาพยุโรปต้องการเพิ่มภาษีนำเข้าและทำให้เกิดอุปสรรคต่อบริษัทสหรัฐที่ดำเนินกิจการอยู่ในยุโรป เราก็จะทำแบบนั้นกับรถยนต์ของเขา"

ทั้งนี้ หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% นายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ก็ได้ออกมาตอบโต้ โดยระบุว่า สหภาพยุโรปจะดำเนินการตอบโต้อย่างรุนแรงและสมน้ำสมเนื้อ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทยุโรปที่ส่งออกเหล็กและอลูมิเนียมไปยังสหรัฐอเมริกา

-- นายโรเบอร์โต อาเซเวโด ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (WTO) ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์หน้า

"องค์การการค้าโลกมีความกังวลต่อการที่สหรัฐประกาศว่ามีแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ขณะที่มีแนวโน้มที่จะเกิดการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า ซึ่งเห็นได้จากปฏิกริยาในช่วงแรกจากประเทศอื่นๆ โดยการทำสงครามการค้าจะไม่เกิดประโยชน์ต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และองค์การการค้าโลกจะจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด" แถลงการณ์ระบุ

-- การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) หรือรัฐสภาจีน ครั้งที่ 13 ได้เริ่มเปิดฉากการประชุมวันแรกในวันนี้ ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง โดยการประชุมจะจัดต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 20 มี.ค.

รัฐบาลจีนได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนก่อนการประชุม NPC จะเริ่มขึ้นในวันนี้ว่า จีนได้กำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2561 ไว้ที่ระดับ 6.5% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเป้าหมายในปี 2560 พร้อมกับคงเป้าหมายการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อสำหรับปี 2561 เอาไว้ที่ระดับ 3%

ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนได้ปรับลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณสำหรับปี 2561 ลงสู่ระดับ 2.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งลดลง 0.4% เมื่อเทียบกับเป้าหมายในปี 2560

-- รัฐบาลจีนจะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมของประเทศในปี 2561 ราว 8.1% สู่ระดับ 1.11 ล้านล้านหยวน หรือ 1.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการปรับเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมในปี 2561 นั้น สูงกว่าในปี 2560 ที่ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 7%

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลจีนได้เปิดเผยแผนการดังกล่าวกับสื่อมวลชนก่อนที่การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) หรือรัฐสภาจีน ครั้งที่ 13 จะเริ่มเปิดฉากขึ้นในวันนี้

-- นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด หลังจากที่นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ ได้แถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า BOJ อาจจะพิจารณาถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในปีงบประมาณ 2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ BOJ คาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%

นอกจากนี้ นายคุโรดะกล่าวว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน เนื่องจากเป้าหมายเงินเฟ้อยังคงอยู่ห่างไกล พร้อมระบุว่า BOJ จะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเชิงรุกต่อไป

-- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีกำหนดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีนี้

เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ECB ได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนม.ค. โดยระบุว่า กรรมการ ECB มองว่ายังคงเร็วเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลงจุดยืนด้านการสื่อสารเพื่อส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบาย

รายงานระบุว่า การหารือเกี่ยวกับการปรับนโยบายของ ECB อาจเกิดขึ้นในช่วงต้นปีนี้ แต่เจ้าหน้าที่ ECB มีมติว่า ECB ยังไม่ปรับนโยบายในเดือนม.ค. ขณะที่ ECB จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการปรับเปลี่ยนนโยบายอย่างกะทันหัน และจับตาการแข็งค่าของยูโร

นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า เงินเฟ้อกำลังปรับตัวขึ้นในอัตราที่เร็วขึ้น โดยคาดว่าจะแตะระดับ 1.5%, 1.7% และ 1.8% ในปี 2561, 2562 และ 2563 ตามลำดับ โดยมีการปรับตัวเลขเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.1% สำหรับปี 2561 และ 2562

-- นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ในวันศุกร์นี้ หลังจากที่ตัวเลขจ้างงานปรับตัวเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานในเดือนม.ค.ทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี

-- ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ.ของฝรั่งเศส, เยอรมนี และอียู, ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ของฝรั่งเศสและอียู ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. ขณะที่ธนาคารกลางออสเตรเลียจะประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ