World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 12 มีนาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 12, 2018 07:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนก.พ. โดยพุ่งขึ้น 313,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี

ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น เพิ่มขึ้น 4 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.15% โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.2% สู่ระดับ 26.75 ดอลลาร์ และเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (9 มี.ค.) โดยปิดที่ระดับเหนือ 25,000 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา ขานรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า เขาจะยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเป็นสองประเทศคู่ค้าในข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,335.74 จุด เพิ่มขึ้น 440.53 จุด หรือ +1.77% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,560.81 จุด เพิ่มขึ้น 132.86 จุด หรือ +1.79% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,786.57 จุด เพิ่มขึ้น 47.60 จุด หรือ +1.74%

-- ผู้นำทั่วโลกต่างแสดงความยินดีต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตอบรับคำเชิญที่จะพบปะกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือในเดือนพ.ค. โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ได้แสดงความคาดหวังว่า สหรัฐและเกาหลีเหนือจะเริ่มเจรจากันโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขณะที่นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า นี่เป็นการก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะมีการบรรลุข้อตกลงเพื่อฟื้นฟูสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีกลับสู่ภาวะปกติ

ทั้งนี้ ในขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยกำหนดวันประชุม หรือสถานที่จัดการประชุม แต่ทางสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศเป็นกลาง ได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดระหว่างปธน.ทรัมป์ และนายคิม หลังจากที่ได้เคยเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดหลายครั้งก่อนหน้านี้

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ว่า เกาหลีเหนือให้คำสัญญาที่จะไม่ทดสอบขีปนาวุธในระหว่างการพบกันของผู้นำทั้งสองประเทศที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

"เกาหลีเหนือไม่ได้ทดสอบขีปนาวุธมาตั้งแต่ 28 พฤศจิกายน 2560 และได้ให้สัญญาว่าจะไม่ทำเช่นนั้นตลอดช่วงการพบกันของเรา ผมเชื่อว่าพวกเขาจะทำตามสัญญา" ทรัมป์ระบุในข้อความผ่านทวิตเตอร์

-- นายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) เปิดเผยว่า สหรัฐจะไม่มีการประนีประนอมต่อนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในระหว่างที่นายคิมพบปะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และการเจรจารอบอื่นๆที่จะตามมา นอกจากนี้ ผู้อำนวยการ CIA กล่าวว่า นายคิมจะต้องดำเนินการตามข้อเรียกร้องของ CIA ซึ่งรวมถึงการระงับการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธ รวมทั้งเปิดทางให้การซ้อมรบระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือดำเนินต่อไป และยอมทำตามข้อตกลงการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี

-- ที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ซึ่งเป็นรัฐสภาของจีน เห็นชอบให้มีการปรับแก้เนื้อหาในรัฐธรรมนูญ ซึ่งปูทางให้นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนคนปัจจุบัน สามารถดำรงตำแหน่งได้ไม่จำกัดระเวลา โดยการปรับเปลี่ยนเนื้อหาในรัฐธรรมนูญดังกล่าวนับเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งแรกในรอบ 14 ปี

เดิมทีรัฐธรรมนูญจีนกำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งไม่เกิน 2 สมัย หรือเท่ากับ 10 ปี ขณะที่วาระดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ของปธน.สีจะหมดลงในปี 2566 หลังจากที่เขารับตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2556

-- ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ได้ออกรายงานเตือนว่า ระบบธนาคารของจีน แคนาดา และฮ่องกง มีความเสี่ยงที่จะเผชิญวิกฤตการณ์มากที่สุดเมื่อเทียบกับระบบธนาคารของประเทศอื่นๆ โดยความเสี่ยงในระบบธนาคารของแคนาดานั้น มีสาเหตุมาจาการปล่อยสินเชื่อจำนวนมากให้กับภาคครัวเรือน และหนี้สินโดยรวมภายในประเทศที่อยู่ในระดับสูงมาก แม้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของแคนาดามีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2560 ก็ตาม

-- นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน กล่าวสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ โดยมองว่าการปรับลดภาษี และการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จะเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐต่อไป นายโรเซนเกรนระบุว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างประจำ และอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดวัฏจักรเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูและซบเซา ขณะที่ตัวเลขอัตราการว่างงานที่ลดลงทำให้เกิดแรงผลักดันให้เงินเฟ้อและค่าจ้างดีดตัวขึ้น

-- นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวว่า จีนไม่ยอมรับบิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆว่าเป็นสิ่งที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย

"ปัจจุบัน เราไม่ยอมรับบิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ในฐานะเครื่องมือที่เหมือนกับธนบัตร เหรียญกษาปณ์ และบัตรเครดิต สำหรับการชำระเงินของประชาชนทั่วไป ขณะที่ระบบธนาคารก็ไม่ยอมรับเช่นกัน" นายโจวกล่าว

ผู้ว่าฯธนาคารกลางจีนยังกล่าวว่า จีนกำลังจับตาเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งการใช้เทคโนโลยีบางอย่างก็มีการเติบโตที่เร็วเกินไป

-- นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันพรุ่งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. และจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ.ในวันพุธ

ส่วนดัชนี CPI เดือนม.ค.ที่ผ่านมานั้น ปรับตัวขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.3% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.2%

ขณะที่ดัชนี PPI เดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหาร, พลังงาน และภาคบริการ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค.

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ สิงคโปร์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค. และจีนจะเปิดเผยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนก.พ.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ., ออสเตรเลียจะเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนก.พ.จากเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB), มาเลเซียจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.และยอดค้าปลีกเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ