สื่อตีข่าวจีนยอมซื้อเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้นจากสหรัฐ หลังลดยอดเกินดุลการค้า

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 26, 2018 18:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า จีนได้เสนอซื้อเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้นจากสหรัฐ ด้วยการลดยอดสั่งซื้อจากเกาหลีใต้และไต้หวัน โดยหวังว่าการดำเนินการดังกล่าวจะลดตัวเลขเกินดุลการค้ากับสหรัฐ

นอกจากนี้ ไฟแนนเชียล ไทม์สยังระบุว่า เจ้าหน้าที่ของจีนกำลังเร่งสรุปการจัดทำกฎระเบียบใหม่ภายในเดือนพ.ค. ซึ่งจะช่วยให้สถาบันการเงินต่างชาติสามารถเข้าซื้อหุ้นใหญ่ในบริษัทหลักทรัพย์ของจีน

ท่าทีครั้งใหม่ของจีนดังกล่าว มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีในสัปดาห์ที่แล้วเพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นการลงโทษจีนที่ได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ

ปธน.ทรัมป์ระบุว่า นี่เป็นมาตรการแรกของอีกหลายมาตรการที่จะตามมา และเขาเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยให้สหรัฐแข็งแกร่ง และมั่งคั่งขึ้น

การออกมาตรการเรียกเก็บภาษีของปธน.ทรัมป์มีขึ้น หลังจากที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ทำการสอบสวนตามมาตรา 301 ต่อพฤติกรรมการทำการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน

สินค้าของจีนที่ตกเป็นเป้าหมายในการเรียกเก็บภาษีของสหรัฐ เป็นสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยีที่จีนมีข้อได้เปรียบเหนือสหรัฐ

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์จะสั่งการให้ USTR เปิดเผยรายการสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีภายใน 15 วัน และจะมีช่วงเวลา 30 วันสำหรับการรับฟังความเห็นจากประชาชน ขณะที่ USTR ได้ระบุรายการสินค้าที่จะตกเป็นเป้าหมายแล้ว โดยเป็นสินค้าจำนวน 1,300 รายการ

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้สั่งการให้นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ เสนอการตั้งข้อจำกัดต่อการลงทุนของจีนในสหรัฐ

ปธน.ทรัมป์จะได้รับการบรรยายสรุปอีกครั้งในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้าเพื่อพิจารณาการดำเนินมาตรการเพิ่มเติม โดยจะขึ้นอยู่กับผลกระทบของมาตรการในขั้นแรก

นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า ปธน.ทรัมป์ต้องการให้จีนจัดทำแผนลดตัวเลขเกินดุลการค้าลง 1 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี หลังจากที่เมื่อปีที่แล้ว จีนมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐจำนวน 3.752 แสนล้านดอลลาร์

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนเพิ่มขึ้น 16.7% สู่ระดับ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2558 โดยตัวเลขส่งออกไปยังจีนดิ่งลง 28.1% ขณะที่นำเข้าเพิ่มขึ้น 2.9%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ