นักเศรษฐศาสตร์สหรัฐเผยมาตรการลดยอดเกินดุลการค้าของจีนส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลก

นายอดัม โพเซ่น ประธานสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สันให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า การบังคับใช้มาตรการเพื่อปรับลดยอดเกินดุลการค้าของจีนและการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศนั้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลก

นอกจากนี้ ยังระบุว่า "เศรษฐกิจของจีนปรับเปลี่ยนไปตามปัจจัยพื้นฐานต่างๆ" และ "เงินลงทุนของเศรษฐกิจจีนก็ลดลงไปมาก สัดส่วนการเติบโตของการบริโภคเพิ่มสูงขึ้น" ซึ่งหากจีนยังคงปรับลดเงินสะสมของประเทศลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปก็จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งจีนและทั่วโลก เป็นผลที่ชัดเจนของการบังคับใช้นโยบายและทำให้เศรษฐกิจมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมย้ำว่า "จีนกำลังดำเนินการตามแนวทางที่ถูกต้องเกี่ยวกับประเด็นมหภาคในวงกว้าง"

ข้อมูลของนายโพเซ่นระบุว่า มูลค่าเกินดุลการค้าโลกของจีนอยู่ที่ระหว่าง 1-2% ของจีดีพีประเทศ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สมเหตุสมผลสำหรับประเทศใดๆ พร้อมระบุว่า "เป็นตัวเลขที่แตกต่างไปจากเมื่อ 10 - 15 ปีก่อน"

ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของจีนในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.649 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1.3% ของจีดีพีประเทศ ตามข้อมูลของสำนักบริหารเงินตราต่างประเทศ (SAFE) โดยก่อนที่จะเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในปี 2551 นั้น มีสัดส่วนอยู่ที่ 10%

สำหรับในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 จีนมียอดเกินดุลการค้าอยู่ที่ 3.262 แสนล้านหยวนหรือราว 5.12 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลง 21.8% เมื่อเทียบปีต่อปี

ทั้งนี้ ทางการจีนย้ำจุดยืนว่า จะไม่แสวงหาการเกินดุลการค้าและจะเพิ่มปริมาณนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆให้กับประเทศต่างๆเข้าสู่ตลาดจีน