World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 23 พ.ค. 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 23, 2018 09:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงใดๆกับรัฐบาลจีนในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบริษัท ZTE ของจีน และยังกล่าวด้วยว่า เขาไม่พอใจต่อผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีขึ้นที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังจากปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า มีโอกาสสูงมากที่การประชุมสุดยอดระหว่างตัวเขา และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะไม่เกิดขึ้นในเดือนหน้า

-- สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 258 ต่อ 159 อนุมัติร่างกฎหมายเพื่อผ่อนคลายกฎระเบียบสำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ถูกส่งไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อลงนามเป็นลำดับต่อไป

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการผ่อนคลายกฎระเบียบในกฎหมายปฏิรูปการเงินดอดด์-แฟรงค์ ซึ่งเป็นกฏหมายที่รัฐบาลสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามาเคยใช้กู้วิกฤตการณ์ทางการเงินในอดีต อย่างไรก็ตาม สภาคองเกรสไม่ได้ทำการแก้ไขข้อกำหนดหลักๆของกฏหมายดอดด์-แฟรงค์ อาทิ การให้อำนาจในการเข้าครอบครองบริษัทการเงินที่กำลังเผชิญวิกฤต และการควบคุมการซื้อขายของธนาคาร

-- เกาหลีเหนือได้อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวของเกาหลีใต้เข้าไปรายงานข่าวการรื้อถอนฐานทดสอบนิวเคลียร์ที่ปุงเกรี โดยเกาหลีเหนือยอมรับรายชื่อผู้สื่อข่าวของเกาหลีใต้ที่จะเข้าไปรายงานข่าวดังกล่าว

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่กลุ่มผู้สื่อข่าวจาก 20 ชาติ ซึ่งรวมถึงจีนและสหรัฐ ได้เดินทางถึงเมืองวอนซาน เมืองชายฝั่งซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของเกาหลีเหนือ ด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำ

ทั้งนี้ เกาหลีเหนือเปิดเผยในช่วงก่อนหน้านี้ว่าจะจัดพิธีรื้อถอนฐานทดสอบนิวเคลียร์ในระหว่างวันพุธที่ 23 พ.ค.จนถึงวันศุกร์ที่ 25 พ.ค. ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ พร้อมระบุว่า ผู้สื่อข่าวจากจีน รัสเซีย สหรัฐ อังกฤษ และเกาหลีใต้จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปรายงานข่าวในพิธีดังกล่าว

-- รัฐบาลสหรัฐประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กจากเวียดนามที่มีต้นทางมาจากจีน โดยสหรัฐระบุว่า เหล็กที่มีการส่งออกจากเวียดนามดังกล่าว มีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดที่สหรัฐกำหนดไว้ต่อเหล็กที่นำเข้าจากจีน

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐแถลงว่า ผู้นำเข้าเหล็กจากเวียดนามจะต้องวางมัดจำค่าเสียภาษีนำเข้าในช่วง 39%-256% ตามมูลค่าของเหล็กที่นำเข้าจากเวียดนาม ซึ่งผลิตจากวัตถุดิบจากจีน

-- นางสเตซีย์ คันนิ่งแฮม จะก้าวขึ้นเป็นประธานกรรมการคนที่ 67 ของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ในวันศุกร์นี้ โดยนางคันนิ่งแฮมจะเป็นสตรีคนแรกในรอบ 226 ปีที่ได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ นางคันนิ่งแฮมทำงานใน NYSE ในตำแหน่งเสมียนบนฟลอร์ซื้อขายหุ้นของตลาด ก่อนที่จะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาล่าสุดเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO)

-- รัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมเพิ่มเงินอุดหนุนราคาน้ำมัน หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นเกือบ 20% ทะลุ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงกว่าราคาน้ำมันดิบที่รัฐบาลอ้างอิงในการจัดทำงบประมาณที่ระดับ 48 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีการอ้างอิงค่าเงินรูเปียห์ที่ระดับ 13,400 เทียบดอลลาร์ ขณะที่ปัจจุบันรูเปียห์อยู่ที่ระดับ 14,000 เทียบดอลลาร์

-- รัฐบาลอังกฤษยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อขออนุมัตินำเงินจากกองทุนแห่งชาติที่ตั้งขึ้นเมื่อ 90 ปีก่อน ไปชำระหนี้ของประเทศ

ทั้งนี้ กองทุนแห่งชาติก่อตั้งขึ้นในปี 2471 โดยผู้บริจาคนิรนาม ซึ่งได้ใส่เงินในกองทุนจำนวน 500,000 ปอนด์ โดยมีเงื่อนไขห้ามถอนออก จนกว่ารัฐบาลอังกฤษจะสามารถระดมเงินมากพอที่จะจ่ายหนี้ทั้งหมดของประเทศ

กองทุนดังกล่าวมีเงินจำนวน 475 ล้านปอนด์ (640 ล้านดอลลาร์) ในปัจจุบัน แต่คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.06% ของหนี้ทั้งหมดของอังกฤษที่สูงถึง 1.7 ล้านล้านปอนด์

-- อินเดียประกาศยกระดับการเฝ้าระวังด้านสาธารณสุขในรัฐเคราลา หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสนิปาห์ (Nipah) ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 10 ราย

ทั้งนี้ ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสนิปาห์จะมีอาการคล้ายเป็นหวัด มีไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ สมองอักเสบ ซึ่งบางรายอาจมีอาการของระบบทางเดินหายใจ หรืออาจมีอาการไข้ร่วมกับอาการทางระบบประสาท เช่น วิงเวียนศีรษะ เดินโซเซ ซึม สับสน หรือชัก และอาจมีการเคลื่อนไหวของลูกตาผิดปกติ แขนและขามีการกระตุก ความดันโลหิตและชีพจรแปรปรวน และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติไต้หวันเปิดเผยว่า อัตราการว่างงานในประเทศลดลง 0.02% ในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 3.64% เมื่อเทียบรายเดือน และลดลง 0.03% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ภาคบริการมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 5,000 ตำแหน่ง

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่อัตราว่างงานไตรมาสแรกของฝรั่งเศส ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นและภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ค.ของสหรัฐจากมาร์กิต

สำหรับวันพรุ่งนี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรก และอังกฤษเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ