ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ 58.67 จุด หรือ -0.24% เมื่อวันศุกร์ (25 พ.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการจัดการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่า มีความเป็นไปได้ที่การจัดการประชุมสุดยอดระหว่างตัวเขา และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.ที่สิงคโปร์ ตามที่มีการกำหนดไว้
-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กร่วงลง 2.83 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 67.88 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อวันศุกร์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่า ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียกำลังพิจารณาปรับเพิ่มเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันราว 1 ล้านบาร์เรล/วัน เพื่อชดเชยการผลิตที่ลดลงของอิหร่านและเวเนซุเอลา อันเนื่องมาจากการถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐ โดยซาอุดิอาระเบียและรัสเซียได้หารือกันที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เข้าร่วมประชุมด้วยในฐานะประธานโอเปก
ทั้งนี้ กลุ่มโอเปก และผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปกจะทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมันในการประชุมที่กรุงเวียนนาในวันที่ 22-23 มิ.ย. โดยอาจมีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้ตัวเลขความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลดลงสู่ระดับ 100% จาก 152% ในขณะนี้
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ทวีตข้อความล่าสุดว่า ทีมเจ้าหน้าที่ของสหรัฐได้เดินทางถึงเกาหลีเหนือแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดการประชุมสุดยอดระหว่างตัวเขา และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ
"ผมเชื่อว่าเกาหลีเหนือมีศักยภาพที่จะเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรือง และจะมีเศรษฐกิจและการเงินที่ยิ่งใหญ่ในวันหนึ่ง คิม จอง อึน ได้เห็นพ้องกับผมในเรื่องนี้ และมันจะเกิดขึ้น" ทรัมป์ระบุในทวิตเตอร์เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ
-- นายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ประชุมซัมมิตร่วมกันเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่หมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งตั้งอยู่ในเขตปลอดทหารบริเวณพรมแดนของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้
ในระหว่างการพบปะกันครั้งนี้ นายคิม จอง อึน ได้แสดงความประสงค์ที่จะเข้าร่วมประชุมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ นอกจากนี้ นายคิมและนายมูนเห็นพ้องที่จะจัดการประชุมระดับสูงระหว่างสองเกาหลีในวันที่ 1 มิ.ย. นี้ หลังจากที่ทั้งสองได้มีหารือ "ในเชิงลึก" เกี่ยวประเด็นการสร้างคาบสมุทรเกาหลีให้เป็นเขตปลอดนิวเคลียร์และนำสันติภาพกลับสู่ภูมิภาค
--นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้ส่งสัญญาณว่าจะก้าวลงจากตำแหน่งประธานาธิบดี หลังจากวาระการดำรงตำแหน่งของเขาสิ้นสุดลงในปี 2567 โดยปูตินเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า เขาจะเคารพรัฐธรรมนูญของรัสเซียที่กำหนดว่าไม่ให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งมากกว่า 2 สมัย
อย่างไรก็ตาม ปูตินได้ทำหน้าที่ประธานาธิบดีรัสเซียเป็นสมัยที่ 4 แล้ว โดยเขาเพิ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งไปเมื่อวันที่ 7 พ.ค. หลังจากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียต่อไปอีก 6 ปี
-- ข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) ระบุว่า บริษัทเอฟเอดับเบิลยู-โฟล์คสวาเกน ออโตโมทีฟ และฟอร์ด (ไชน่า) เตรียมเรียกคืนรถยนต์นำเข้ากว่า 20,000 คันในจีน ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
ทั้งนี้ เอฟเอดับเบิลยู-โฟล์คสวาเกน มีแผนที่จะเรียกคืนรถยนต์รุ่น A4 Allroad และ A5 ที่ผลิตในระหว่างวันที่ 7 พฤศจิกายน 2554 ถึง 8 พฤศจิกายน 2556 กว่า 20,278 คัน จากปัญหาปั้มน้ำหล่อเย็นในเครื่องยนต์ที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ ขณะที่บริษัทฟอร์ด (ไชน่า) เตรียมเรียกคืนรถยนต์รุ่น F-150 SuperCrew ที่ผลิตในระหว่างวันที่ 6 มิถุนายน ถึง 25 พฤศจิกายน 2559 เนื่องจากปัญหาด้านสลักภัณฑ์ที่ไม่สมบูรณ์
-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 2 หลังการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ และคำสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ลดลง
ทั้งนี้ เฟดสาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า แบบจำลองการคาดการณ์ Nowcast แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 3.01% ในไตรมาส 2 โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 3.20% ที่ระบุไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน
-- ทางการสหรัฐได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อวันศุกร์ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 1.7% ในเดือนเม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.4% หลังจากพุ่งขึ้น 2.7% ในเดือนมี.ค.
ทางด้านมหาวิทยาลัยมิชิแกนได้เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 98 ในเดือนพ.ค. โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 98.8 ขณะที่ก่อนหน้านี้ ดัชนีความเชื่อมั่นพุ่งขึ้นแตะ 101.4 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ ฐานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล
-- ตลาดการเงินจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐอย่างใกล้ชิดในสัปดาห์นี้ โดยในวันพุธนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนประจำเดือนพ.ค.ของสหรัฐ และจากนั้นในวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเม.ย.
สำหรับตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนประจำเดือนเม.ย.ซึ่ง ADP รายงานก่อนหน้านี้ ระบุว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 204,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าระดับ 228,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค.
ส่วนตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเม.ย.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐได้รายงานก่อนหน้านี้ ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 164,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 192,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2543 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 4.0%
-- ตลาดการเงินและหน่วยงานราชการของสหรัฐปิดทำการในวันนี้ (28 พ.ค.) เนื่องในวัน Memorial Day
-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันพรุ่งนี้ โดยเกาหลีใต้จะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค. ญี่ปุ่นจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนเม.ย. ขณะที่ฝรั่งเศสจะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค. ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยราคาบ้านเดือนพ.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จาก Conference Board และดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค.จากเฟดดัลลัส