สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 0.25% เมื่อคืนนี้ (17 มี.ค.) จากอานิสงส์ของการที่สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่า ภายหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้และยังคงรักษาจุดยืนในการปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 3.1 ดอลลาร์ หรือ 0.25% ปิดที่ระดับ 1,230.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 8.3 เซนต์ หรือ 0.48% ปิดที่ 17.413 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 4.6 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ 963.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 9.15 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 775.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำทะยานขึ้นขานรับผลการประชุมของเฟด ซึ่งได้ส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดๆไปในปีนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยจากระดับ 1.00% สู่ระดับ 1.25% ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินเดือนมิ.ย.
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาทองคำทะยานขึ้น 2.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 3 ก.พ.
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอีกในระยะนี้ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากปัจจัยสกุลเงินดอลลาร์แล้ว นักวิเคราะห์มองว่า การที่นักลงทุนตั้งความหวังน้อยลงกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ สืบเนื่องจากหลายๆนโยบายของเขาอาจถูกขัดขวางในสภาคองเกรส ซึ่งจะส่งผลให้การนำไปบังคับใช้เกิดความล่าช้านั้น อาจเป็นสาเหตุให้นักลงทุนหันไปซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยกันมากขึ้น