มาตรการเฝ้าระวังดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการเสนอแนะจากกระทรวงต่างประเทศและสาธารณสุข เพื่อป้องกันไวรัสเข้าสู่ประเทศ โดยเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ซาอุดิอาระเบียได้ห้ามการออกวีซ่าเพื่อไปประกอบพิธีฮัจญ์และพิธีอุมเราะห์ ให้แก่พลเมืองจากกินีและไลบีเรีย
ซาอุดิอาระเบียพบกรณีผู้สงสัยว่าติดเชื้ออีโบลารายแรกในเดือนส.ค. โดยผลการทดสอบไวรัสออกมาเป็นผลลบ แต่ผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนในภายหลัง
นายมูเฟร็ด อัล-ฮัคบานี รมช.กระทรวงแรงงานระบุในแถลงการณ์ว่า การระงับวีซ่าคนงานชั่วคราวจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานภายในประเทศ เนื่องจากจำนวนคนงานจากทั้ง 3 ประเทศดังกล่าวมีจำนวนน้อยมาก และเขาเสริมว่า ผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการก่อนการเดินทางมาถึง เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากที่กระทรวงแรงงานกำหนดไว้สำหรับชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากแอฟริกาตะวันตก
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ยังไม่มีวัคซีนและวิธีการรักษาโรคอีโบลา ที่คร่าชีวิตประชาชน 1,552 ราย จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 3,069 ราย ซึ่งประกอบด้วย 694 รายในไลบีเรีย, 430 รายในกินี, 422 รายในเซียร์รา ลีโอน และ 6 รายในไนจีเรีย สำนักข่าวซินหัวรายงาน