ดอยช์ แบงก์ระบุว่า การปรับโครงสร้างในครั้งนี้จะทำให้ธนาคารสามารถบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดขั้นตอนในการดำเนินงาน รวมทั้งลดค่าใช้จ่าย 3.5 พันล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2020
ดอยช์ แบงก์เปิดเผยว่า ผลกำไรในไตรมาสแรกลดลงแตะระดับ 559 ล้านยูโร (607.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งลดลงจากระดับ 1.1 พันล้านยูโรในช่วงไตรมาสแรกปีที่แล้ว ส่วนรายได้ปรับตัวขึ้น 24% แตะ 1.04 หมื่นล้านยูโร
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดว่า กำไรไตรมาสแรกของดอยช์ แบงก์ จะอยู่ที่ 770 ล้านยูโร และรายได้จะอยู่ที่ 8.9 พันล้านยูโร ขณะที่ดอยช์ แบงก์ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้กำไรปรับตัวลดลงนั้น ส่วนใหญ่มาจากการที่ธนาคารต้องสูญเสียเงินไปกับการยุติคดีความกับหน่วยงานของสหรัฐและอังกฤษ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดอยช์ แบงก์ประกาศยินยอมชำระค่าปรับสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์แก่ทางการสหรัฐและอังกฤษ เพื่อยุติการสอบสวนกรณีที่ทางธนาคารถูกกล่าวหาว่าทำการปั่นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ค่าปรับดังกล่าว รวมถึงค่าปรับ 600 ล้านดอลลาร์ต่อผู้ควบคุมกฎระเบียบในรัฐนิวยอร์ค, 800 ล้านดอลลาร์ต่อคณะกรรมาธิการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์, 775 ล้านดอลลาร์ต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ และ 344 ล้านดอลลาร์ต่อสำนักงานกำกับการเงินของอังกฤษ
ดอยช์ แบงก์ยังยอมรับผิดต่อข้อกล่าวหาทางอาญาของสหรัฐ และยอมรับว่าระบบตรวจสอบภายในมีความบกพร่องในการป้องกันการปั่นอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารของตลาดลอนดอน (Libor)
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ตกลงที่จะให้มีการแต่งตั้งผู้ตรวจสอบอิสระ และปลดพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการที่ผิดกฎระเบียบ