รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี2557

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 29, 2015 16:17 —กระทรวงการคลัง

ฉบับที่ 4/2557

วันที่ 29 มกราคม2558

“เศรษฐกิจไทยในเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 มีสัญญาณดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า จากเศรษฐกิจด้านอุปสงค์ ทั้งจากการใช้จ่ายภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการส่งออกสินค้า ขณะที่เศรษฐกิจด้านอุปทานผ่านภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน แม้ว่าภาคเกษตรกรรมยังคงมีสัญญาณชะลอตัว”

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ว่า “เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยสะท้อนเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า จากเศรษฐกิจด้านอุปสงค์ ทั้งจากการบริโภค การลงทุน และภาคการคลัง รวมถึงการส่งออกสินค้า ขณะที่เศรษฐกิจด้านอุปทานจากภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน แม้ว่าภาคเกษตรกรรมยังคงมีสัญญาณชะลอตัว” ทั้งนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจไทยล่าสุดในรายละเอียดพบว่า

การบริโภคภาคเอกชนในเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 มีสัญญาณดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า สะท้อนได้จากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ที่แม้ว่ายังคงหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในเดือนธันวาคม 2557 และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 แต่พบว่ามีสัญญาณดีขึ้น โดยขยายตัวที่ร้อยละ 0.9 ต่อเดือน และ 1.3 ต่อไตรมาสเช่นเดียวกับปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่ยังคงหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หดตัวชะลอลงจากการปรับตัวดีขึ้นของยอดขายรถจักรยานยนต์ในส่วนภูมิภาค สอดคล้องกับปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่ง ขยายตัวร้อยละ 10.3 ต่อเดือน และขยายตัวร้อยละ 0.2 ต่อไตรมาส สะท้อนการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนที่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนธันวาคม 2557 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 70.5 ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 อยู่ที่ระดับ 69.6 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 69.3 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลโดยเฉพาะเม็ดเงินที่สนับสนุนเกษตรกร รวมถึงโครงการลงทุนซ่อมสร้างต่างๆ ซึ่งจะมีผลต่อการจ้างงานของแต่ละท้องถิ่น และราคาน้ำมันภายในประเทศปรับตัวลดลง

การลงทุนภาคเอกชนในเดือนธันวาคม 2557 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ในเดือนธันวาคม 2557 กลับมาขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี 2557 หลังจากที่มีการขยายตัวเป็นบวกเมื่อเดือนกันยายน 2557 โดยขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 12.0 ต่อปี และขยายตัวร้อยละ 14.0 เมื่อเทียบกับกับเดือนก่อนหน้า ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 1.6 ต่อปี หรือคิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 5.5 ต่อไตรมาส สะท้อนทิศทางการฟื้นตัว หลังสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย ประกอบกับไตรมาสสุดท้ายของปีเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการเปิดขายโครงการใหม่ ส่งผลให้จำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยอดขายปูนซิเมนต์ในเดือนธันวาคม 2557 กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบปี โดยขยายตัวร้อยละ 0.2 ต่อปี และขยายตัวร้อยละ 0.1 ต่อเดือน อย่างไรก็ดี ยอดขายปูนซิเมนต์ในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ยังคงหดตัวอยู่ที่ร้อยละ -4.8 ต่อปี และ -1.8 ต่อไตรมาส สำหรับการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น ในเดือนธันวาคม 2557 สะท้อนจาก ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนในเดือนธันวาคม 2557 ที่กลับมาขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.9 ต่อปี และร้อยละ 8.2 ต่อเดือน แต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ยังคงหดตัวร้อยละ -3.1 ต่อปี และ -1.4 ต่อไตรมาส ขณะที่ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือนธันวาคม 2557 ยังคงหดตัวที่ร้อยละ -16.1 ต่อปี แต่ขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ 3.9 ต่อเดือน ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 หดตัวร้อยละ-15.8 ต่อปี แต่ขยายตัวร้อยละ 0.5 ต่อไตรมาส

สถานการณ์ด้านการคลังในเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 (ไตรมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 2558) สะท้อนบทบาทนโยบายการคลังในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทย ผ่านการขาดดุลงบประมาณ โดยรัฐบาลขาดดุลงบประมาณในเดือนธันวาคม 2557 จำนวน -83.6 พันล้านบาท มาจากการจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหักการจัดสรรให้ อปท.) ได้จำนวน 170.4 พันล้านบาท ขณะที่เบิกจ่ายงบประมาณรวมในเดือนธันวาคม 2557 ได้จำนวน 270.7 พันล้านบาท ทำให้ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2558 มีอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณเท่ากับร้อยละ 29.8 ของกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2558 (2.575 ล้านล้านบาท) และมีการขาดดุลงบประมาณเท่ากับ -344.6 พันล้านบาท

สำหรับอุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกสินค้าในเดือนธันวาคม 2557 และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 กลับมาขยายตัวอีกครั้ง อยู่ที่ร้อยละ 1.9 ต่อปี และ 1.6 ต่อปี ตามลำดับ โดยตลาดส่งออกที่มีการขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ได้แก่ อาเซียน-9 สหรัฐ และทวีปออสเตรเลีย โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญได้แก่ สินค้าในหมวดอุตสาหกรรมเกษตร ยานพาหนะ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเม็ดพลาสติก

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ชี้แจงข้อมูลเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมว่า สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทาน ทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน แม้ว่าภาคเกษตรกรรมยังคงมีสัญญาณชะลอตัวโดยภาคอุตสาหกรรมสะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เบื้องต้น) ในเดือนธันวาคม 2557 หดตัวเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ -0.4 ต่อปี แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าสามารถขยายตัวได้ที่ร้อยละ 3.6 ต่อเดือน ทำให้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ -2.4 ต่อปี และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าขยายตัวได้ที่ร้อยละ 2.7 ต่อไตรมาส โดยอุตสาหกรรมที่กลับมาขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ 4 ได้แก่ อุตสาหกรรมวิทยุโทรโทรทัศน์ เครื่องแต่งกาย และเคมีภัณฑ์ เป็นสำคัญ สำหรับภาคบริการ สะท้อนจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2557 มีจำนวนทั้งสิ้น 2.84 ล้านคน ซึ่งนับเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 อยู่ที่ร้อยละ 11.8 ต่อปี และคิดเป็นการขยายตัวที่ร้อยละ 4.6 ต่อเดือน โดยนักท่องเที่ยวจากจีนและมาเลเซียมีสัดส่วนสูงสุดโดยขยายตัวร้อยละ 66.4 และ 33.2 ต่อปี ตามลำดับ ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 7.45 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 7.0 ต่อปี และขยายตัวร้อยละ 13.9 ต่อไตรมาสอย่างไรก็ดี ภาคเกษตรกรรมสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมในเดือนธันวาคม 2557 ยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -4.8 ต่อปี ตามการลดลงของผลผลิตในหมวดธัญพืชเป็นสำคัญ โดยเฉพาะข้าวเปลือกเจ้า ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งในช่วงต้นปี รวมทั้งผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสับปะรดโรงงานที่ปรับตัวลดลง ทำให้ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 หดตัวร้อยละ -3.5 ต่อปี และหดตัวร้อยละ-0.8 ต่อไตรมาส

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี และเสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศยังอยู่ในระดับมั่นคง สามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนธันวาคม 2557 ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง มาอยู่ที่ร้อยละ 0.6 ต่อปี จากต้นทุนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีทิศทางลดลงต่อเนื่อง และการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มแก๊สโซฮอล์ ขณะที่อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.6 ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 2.20 แสนคน สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศถือว่าอยู่ในระดับมั่นคง สะท้อนได้จากทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงที่ 157.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นประมาณ 2.7 เท่าอันจะสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ