รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 5 มีนาคม 2558

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 5 มีนาคม 2558

1. ครม.เห็นชอบตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) คาดดำเนินการได้ภายในเดือนมิ.ย.นี้

2. กกร.คาดเศรษฐกิจไทยขยายตัว 3.5 ต่อปี แต่ปรับลดเป้าส่งออกเหลือเพียง 2.0-2.5 ต่อปี

3. อินเดียหนุนเอกชนลงทุน 4 ชาติอาเซียน

• ที่ประชุมครม. (3 มี.ค) ได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังให้กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ทำหน้าที่เป็นช่องทางการออมเพื่อการชราภาพสำหรับแรงงานนอกระบบ โดยกระทรวงการคลังต้องไปจัดทำข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่เป็นสาระสำคัญของการดำเนินการกองทุนรวมทั้งสิ้น 7 ฉบับ โดยต้องออกภายใต้พ.ร.บ.กองทุนฯ พ.ศ.2554 ให้แล้วเสร็จ คาดสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนมิ.ย.นี้
• สศค. วิเคราะห์ว่า ในช่วง 5 ปีแรกที่กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เริ่มดำเนินการ จะมีสมาชิกเข้าร่วม กอช. ประมาณ 3 ล้านคน คิดเป็นเงินที่รัฐต้องจ่ายสบทบ 2,704 ล้านบาท และหากแรงแรงงานนอกระบบทั้งหมด 25 ล้านคน เข้าเป็นสมาชิก กอช. และส่งเงินสะสมต่อเนื่อง รัฐบาลจะมีภาระงบประมาณกรณีเงินสมทบปีละประมาณ 22,537 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.18 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) การจัดตั้ง กอช. จะช่วยให้แรงงานนอกระบบได้มีโอกาสสะสมเงินออมตั้งแต่วัยทำงานและมีรายได้ในลักษณะเงินบำนาญรายเดือนตลอดชีวิต สำหรับหลักเกณฑ์เบื้องต้น กอช. สมาชิกที่จะเข้ารับสิทธิต้องมีอายุ 15 ปี แต่ไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ แต่ในปีแรกจะมีเฉพาะการให้สิทธิสำหรับคนที่อายุเกิน 50 ปี แต่ไม่เกิน 60 ปี สามารถเป็นสมาชิกได้ 10 ปี เพื่อให้มีระยะเวลาในการออมที่ยาวขึ้น มีบำนาญเลี้ยงชีพได้มากขึ้น

• คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) แถลงผลการประชุมว่า ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยสำหรับไตรมาสแรก ซึ่งคาดการณ์ทั้งปี 58 จะขยายตัวร้อยละ 3.5 โดยปรับลดประมาณการส่งออกจากร้อยละ 3.5 เหลือร้อยละ 2.0-2.5 ต่อปี เนื่องจากความผันผวนทางเศรษฐกิจและค่าเงิน ส่งผลให้ทุกอุตสาหกรรมส่งออกติดลบ แต่เป็นเช่นเดียวกับประเทศอื่นที่ส่งออกติดลบ สำหรับผลงานของรัฐบาลจำเป็นต้องปรับให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม เพราะเศรษฐกิจโลกไม่ดีด้วยเช่นกัน ไทยจำเป็นต้องปรับแก้ไข โดยรัฐบาลต้องช่วยเศรษฐกิจในประเทศโดยเร็วที่สุด
• สศค. วิเคราะห์ว่า ข้อมูลล่าสุดในเดือนม.ค. 58 ส่งออกไทยตามระบบกรมศุลฯหดตัวร้อยละ -3.5 ต่อปี โดยเป็นการส่งออกสินค้าเกษตรลดลงร้อยละ -13 ต่อปี ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมส่งออกเพิ่มขึ้น 0.6 ต่อปี สำหรับตลาดส่งออกมีเพียงตลาดสหรัฐอเมริกาที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดอื่นๆ หดตัว เช่น จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปและอาเซียน ซึ่งจากการประเมินพบว่าการส่งออกไทยเผชิญปัจจัยเสี่ยง ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลก ประเทศคู่ค้าชะลอตัว และปัญหาภายใน เช่น ผลิตสินค้าไม่ตรงตามความต้องการตลาด และศักยภาพการแข่งขันลดลง ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ ณ เดือนม.ค. 58 ว่าการส่งออกสินค้าของไทยในปี 58 จะขยายตัวร้อยละ 1.4 ต่อปี ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 3.9 โดยได้รับแรงส่งของการใช้จ่ายภาครัฐที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโครงการลงทุนยกระดับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้านการคมนาคมขนส่ง เม็ดเงินจากงบกลางที่กันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีและงบไทยเข้มแข็ง การลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ยังเบิกจ่ายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนในปี 2559 ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมาตรการการเพิ่มประสิทธิภาพในการเบิกจ่าย

• รัฐบาลอินเดีย ตัดสินใจขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม หรือกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี เพื่อเน้นการส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชนใน 4 ประเทศผ่านบริษัทพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อเป็นการขยายเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ความสัมพันธ์กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ออกไปให้กว้างขวาง ด้วยการตั้งบริษัทพัฒนาโครงการเพื่อเข้าไปตั้งศูนย์กลางการผลิตในกลุ่มซีแอลเอ็มวี
• สศค. วิเคราะห์ว่า การที่รัฐบาลอินเดียได้มีนโยบายขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับกลุ่มประเทศ CLMV ในด้านการส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน นั้น เนื่องจากอินเดียถือได้ว่าเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับต้นของกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งเรื่องการค้าระหว่างประเทศและการลงทุน ซึ่งจะส่งเสริมทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและช่วยผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจระหว่างกัน และเป็นการขจัดอุปสรรคด้านการลงทุนระหว่างกันมากขึ้น และจากข้อมูลการขยายตัวทางเศรษฐกิจ GDP ของอินเดียล่าสุดในไตรมาสที่ 4 ปี 57 ขยายตัวร้อยละ 7.5 ต่อปี ส่งผลให้เศรษฐกิจอินเดียในปี 57 ขยายตัวร้อยละ 7.1 ต่อปี ทั้งนี้ สศค. คาดว่า เศรษฐกิจของอินเดียในปี 58 จะขยายตัวที่ร้อยละ 6.0 ต่อปี (คาดการณ์ ณ ม.ค. 58)

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257