รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 16, 2015 11:57 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558

Summary: 1. คลังเร่งติดตามเบิกจ่ายโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท

2. ค้าไทย-รัสเซียหมื่นดอลล์ส่อวืด

3. JP Morgan คาดราคาน้ำมันปีหน้าฟื้น

1. คลังเร่งติดตามเบิกจ่ายโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท 69024

  • อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าวว่ารมว.คลังได้มอบนโยบายให้ติดตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ 5 ล้านบาท) โดยได้ให้สำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อให้คำปรึกษาช่วยเหลือแก่จังหวัดและอำเภอกรณีที่มีปัญหาในการดำเนินกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อให้เบิกจ่ายเงินได้แล้วเสร็จภายในเดือน ม.ค. 59
  • สศค. วิเคราะห์ว่า มาตรการส่งเสริมตำบลละ 5 ล้านบาท มีจุดประสงค์หลักเพื่อประคองเศรษฐกิจขาลงให้ไม่ทรุดหนักไปมากกว่าเดิม โดยเฉพาะประชาชนฐานรากที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวเศรษฐกิจมากกว่าผู้อื่น เนื่องมาจากราคาสินค้าเกษตรหลายประเภททรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เช่น ข้าว และยางพารา จากการที่ภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซา โดยเฉพาะจากเศรษฐกิจจีนจึงเป็นผลทำให้ราคาสินค้าเกษตรทั่วโลกมีราคาลดลงประกอบกับภาพรวมการส่งออกที่ยังติดลบทำให้ส่งผลกระทบในวงกว้างกับประชาชนฐานรากและส่งผลต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจโดยรวม สะท้อนได้จากการชะลอตัวอย่างชัดเจนของการบริโภคภาคเอกชน ด้วยเหตุนี้หากการเบิกจ่ายมาตรการตำบลละ 5 ล้านบาทที่ให้กับทุกตำบล 7,255 ตำบล (รวมกว่า 3.6 ล้านบาท) สามารถทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพก็จะมีส่วนช่วยพยุงเศรษฐกิจฐานรากได้ระดับหนึ่ง และจะส่งผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวมได้ในที่สุด ทั้งนี้ ณ ปัจจุบันได้มีการอนุมัติโครงการแล้วจำนวน 54,665 โครงการคิดเป็นร้อยละ 48 ของโครงการทั้งหมด 114,573 โครงการ

2. ค้าไทย-รัสเซียหมื่นดอลล์ส่อวืด

  • นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธาน ส.อ.ท. และประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-รัสเซีย (JC) เมื่อหลายปีก่อนได้ตั้งเป้าหมายยอดการค้าไทย-รัสเซียในปี 59 ไว้ที่ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เป้าหมายดังกล่าวอาจเลื่อนเป็นภายในปี 62 แทน เนื่องจากการค้าขายกับรัสเซียยังมีปัญหาอุปสรรคในหลายเรื่อง
  • สศค. วิเคราะห์ว่า จากความพยายามที่จะพัฒนาศักยภาพการค้าระหว่างไทยกับรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ผ่านการแลกเปลี่ยนคณะเดินทางทั้งระดับผู้นำรัฐบาลและผู้นำเอกชน มีการจับคู่ธุรกิจเพื่อทำธุรกิจการค้า รวมถึงการนำผู้ประกอบการไทยไปร่วมงานแสดงสินค้าในรัสเซีย ประกอบกับผู้ประกอบการบางรายมีศักยภาพที่จะเข้าไปลงทุนในรัสเซีย ซึ่งในปัจจุบัน มีการเข้าไปลงทุนในรัสเซียแล้ว 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจเกษตรและอาหาร ธุรกิจผลิตเครื่องสำอาง และธุรกิจด้านความงาม แต่เนื่องจากยังคงประสบปัญหาเรื่องกฎระเบียบ และกลไกภายในของรัสเซียโดยเฉพาะนโยบายการลงทุนที่รัสเซียยังไม่สนับสนุนให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนมากนัก รวมถึงการเปิดแอล/ซี เพื่อชำระเงินค่าสินค้า ส่งผลให้การค้าระหว่างไทยกับรัสเซียยังมีมูลค่าค่อนข้างน้อย โดยข้อมูลการค้าในช่วง 9 เดือนของปี 58 มีมูลค่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสินค้าส่งออก 5 อันดับแรก ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก ผลไม้กระป๋องแปรรูป และอัญมณีเครื่องประดับ

3. JP Morgan คาดราคาน้ำมันปีหน้าฟื้น

  • บริษัท JP Morgan วาณิชธนกิจขนาดใหญ่ของโลก ออกมาปรับประมาณการราคาน้ำมันดิบ ทั้งเวสท์เท็กซัสและเบรนท์ในปีหน้าเพิ่มขึ้นทั้ง 2 ประเภท โดย JP Morgan คาดว่าราคาน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัสจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 51.75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณการ ครั้งก่อนที่ระดับ 46.50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ด้านราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 54.75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่ระดับ 52.50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล JP Morgan ให้เหตุผลว่าการเพิ่มขึ้นของราคามาจากทั้งปัจจัยทางด้านอุปสงค์และอุปทาน คือ อุปสงค์โดยรวม โดยเฉพาะความต้องการด้านการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ขณะที่คาดการณ์ว่าอุปทานของสหรัฐฯ จะลดลง 1 แสนบาร์เรลต่อวัน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมันดิบในปีนี้ทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานจะมีความคลี่คลายลงในทั้งสองด้าน ในด้านอุปสงค์ หลายฝ่ายมองว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการฟื้นตัวที่ดีกว่าปีนี้ โดยที่ไม่ได้มีการพูดถึงความรุนแรงในระดับวิกฤติของเศรษฐกิจโลก มีเพียงความเสี่ยงของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนเป็นความเสี่ยงหลักเท่านั้น ทำให้อุปสงค์ต่อพลังงานมีแนวโน้มฟื้นตัวได้บ้าง ขณะที่ความคลี่คลายในฝั่งอุปทานจะมีความชัดเจนมากกว่า เนื่องจากการลดการลงทุนและชะลอการผลิตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีจะมีส่วนลดทอนกำลังการผลิตในปีหน้าลงอย่างมีนัยยะสำคัญ หน่วยงานข้อมูลด้านพลังงานของสหรัฐฯ หรือ EIA คาดการณ์ว่าการผลิตน้ำมันดิบจะชะลอตัวไปจนถึงหดตัวในทุกๆ ภูมิภาคหลักๆ ของโลก ได้แก่ อเมริกาเหนือ โอเปค และรัสเซีย อย่างไรก็ตาม สภาพของตลาดน้ำมันโลกในปีหน้าจะยังคงอยู่ในสภาวะอุปทานล้นเกินแม้จะเป็นในระดับที่ลดความรุนแรงลง ทำให้ราคาน่าจะมีโอกาสฟื้นตัวในเล็กน้อย สศค. คาดว่า ราคาน้ำมันดิบ โดยเฉลี่ยในปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 57.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ฟื้นตัวจากราคาเฉลี่ยคาดการณ์ปี 58 ร้อยละ 8.9

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ