รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2558 และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 18, 2016 10:45 —กระทรวงการคลัง

นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้แถลงข่าวการดำเนินงานของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ดังนี้
  • หนี้สาธารณะคงค้าง ณ 30 พฤศจิกายน 2558 มีจำนวน 5,975,766.31 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 44.52 ของ GDP และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นสุทธิ 108,393.63 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงของหนี้สาธารณะมีรายละเอียด ดังนี้
  • หนี้ของรัฐบาล จำนวน 4,379,011.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123,106.78 ล้านบาท ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก
  • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 109,075.46 ล้านบาท เพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายของรัฐบาล ซึ่งระดับเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2558 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีอื่นๆ ในช่วงเดียวกัน
  • การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 21,234.29 ล้านบาท

มีรายการดังนี้

1. การกู้เงินเพื่อให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อ จำนวน 1,164.18 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 811.60 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีเขียว และสายสีม่วง การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 351.87 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง และโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง และกรมทางหลวง จำนวน 0.71 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2)

2. การกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 20,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน:มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2

3. การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ จำนวน 70.11 ล้านบาท

การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 8,661.99 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • การชำระคืนเงินต้นที่ออกภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 3,930.25 ล้านบาท
  • การชำระคืนต้นเงินกู้ที่รัฐบาลให้กู้ต่อ จำนวน 3,098.46 ล้านบาท
  • การชำระคืนต้นเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน 175 ล้านบาท
  • การชำระดอกเบี้ยหนี้ในประเทศ จำนวน 1,458.28 ล้านบาท

การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เพื่อชำระดอกเบี้ย จำนวน 1,759.17 ล้านบาท

หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 1,044,724.59 ล้านบาท ลดลง 10,163.09 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงเกิดจาก

  • ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ ลดลง 2,499.65 ล้านบาท
  • การชำระคืนเงินกู้มากกว่าการเบิกจ่าย ทำให้หนี้ลดลง 7,663.44 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการไถ่ถอนหุ้นกู้ จำนวน 5,000 ล้านบาท ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และการไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 2,000 ล้านบาท ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย

หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 534,472.05 ล้านบาท ลดลง 3,729.07 ล้านบาท เนื่องจากการชำระหนี้เงินต้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรที่กู้มาเพื่อดำเนินโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร โดยใช้เงินจากการระบายสินค้าเกษตร จำนวน 3,727 ล้านบาท และผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ ลดลง 2.07 ล้านบาท

หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 17,558.03 ล้านบาท ลดลง 820.99 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระหนี้เงินต้นของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 738.65 ล้านบาท

ในเดือนพฤศจิกายน 2558 สบน. มีการบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงิน 42,353.80 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และการเคหะแห่งชาติ

หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2558 เท่ากับ 5,975,766.31 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ในประเทศ 5,625,424.28 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.14 และหนี้ต่างประเทศ 350,342.03 ล้านบาท (ประมาณ 9,984.43 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือร้อยละ 5.86 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และหากเปรียบเทียบกับเงินสำรองระหว่างประเทศ จำนวน 155,680.97 ล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูล ณ 30 พฤศจิกายน 2558)

หนี้ต่างประเทศจะคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 6.41 ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพและความมั่นคงในด้านการเงินของประเทศ

โดยหนี้สาธารณะแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาวถึง 5,669,833.49 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.88 และมีหนี้ระยะสั้น 305,932.82 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.12 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด

คณะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

โทร. 02 265 8050 ต่อ 5505, 5522, 5903

เอกสารแนบ 1

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ขอแถลงสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2558 ดังนี้

ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 มีจำนวน 5,975,766.31 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 44.52 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 108,393.63 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. หนี้ของรัฐบาล 4,379,011.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123,106.78 ล้านบาท

2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,044,724.59 ล้านบาท ลดลง 10,163.09 ล้านบาท

3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 534,472.05 ล้านบาท ลดลง 3,729.07 ล้านบาท

4. หนี้หน่วยงานของรัฐ 17,558.03 ล้านบาท ลดลง 820.99 ล้านบาท

ทั้งนี้ รายละเอียดและสัดส่วนของหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2558

1. หนี้ของรัฐบาล

1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้นสุทธิ 123,106.78 ล้านบาท เนื่องจาก

1.1.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 53.93 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเบิกจ่ายหนี้

สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้นสุทธิ 53.19 ล้านบาท ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของ

อัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 0.74 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงจำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ หลังจากที่ทำการป้องกัน ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

1.1.2 หนี้ในประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 123,052.85 ล้านบาท เนื่องจาก

การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้ จำนวน 105,145.21 ล้านบาท รายละเอียดดังนี้

  • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 109,075.46 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตร

รัฐบาล จำนวน 33,000 ล้านบาท พันธบัตรออมทรัพย์ จำนวน 11,760.46 ล้านบาท และตั๋วเงินคลัง จำนวน 64,315 ล้านบาท

  • การชำระหนี้เงินต้นที่ออกภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 3,930.25 ล้านบาท

การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ ภายใต้ พ.ร.ก. บริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ จำนวน 70.11 ล้านบาท

  • เงินกู้ให้กู้ต่อ ลดลง 1,987.47 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
  • การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 811.60 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 524.07 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 233.31 ล้านบาท และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 54.22 ล้านบาท
  • การรถไฟแห่งประเทศไทยมีหนี้ลดลงสุทธิ 2,799.07 ล้านบาท โดยเกิดจากการเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 299.39 ล้านบาท และชำระหนี้ จำนวน 2,000 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง และการชำระหนี้ของโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต จำนวน 1,098.46 ล้านบาท

เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ลดลง 175 ล้านบาท เนื่องจากการชำระหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้แทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน

การกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 20,000 ล้านบาท เนื่องจากมีการเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน:มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2

1.2 หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า

1.3 หนี้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า

2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน

2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน

2.1.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 2,059.30 ล้านบาท โดยเป็นผลการชำระคืนหนี้เงินเยน จำนวน 498.68 ล้านบาท ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ประกอบกับผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 1,560.62 ล้านบาท ดังรายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 3

2.1.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง จำนวน 2,043.85 ล้านบาท เนื่องจากการทาง

พิเศษแห่งประเทศไทยไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 2,000 ล้านบาท ประกอบกับรัฐวิสาหกิจชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 43.85 ล้านบาท

2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน

2.2.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 363.90 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 939.03 ล้านบาท ประกอบกับการเบิกจ่ายเงินกู้และการชำระคืนต้นเงินกู้ของหน่วยงานต่างๆ ที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 575.13 ล้านบาท ดังรายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 4

2.2.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 5,696.04 ล้านบาท เนื่องจาก

  • บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด 5,000 ล้านบาท
  • การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 90 ล้านบาท
  • รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 606.04 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 1,155.97 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 1,762.01 ล้านบาท
3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)

3.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 2.07 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

3.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 3,727 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระคืนต้นเงินตามสัญญาเงินกู้

ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจ

ที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) หลังทำการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ

4. หนี้หน่วยงานของรัฐ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 820.99 ล้านบาท เนื่องจากหน่วยงานของรัฐชำระคืนต้นเงินกู้

โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 738.65 ล้านบาท หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 มีจำนวน 5,975,766.31 ล้านบาท ซึ่งสามารถแบ่งประเภทเป็นหนี้ต่างประเทศ-หนี้ในประเทศ และหนี้ระยะยาว-หนี้ระยะสั้นได้ ดังนี้

หนี้ต่างประเทศและหนี้ในประเทศ แบ่งออกเป็น หนี้ต่างประเทศ 350,342.03 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.86 และหนี้ในประเทศ 5,625,424.28 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.14 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 6

หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

  • หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุของเครื่องมือการกู้เงิน) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,669,833.49 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.88 และหนี้ระยะสั้น 305,932.82 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.12 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
  • หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุคงเหลือ) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,047,721.68 ล้านบาท หรือร้อยละ 84.47 และหนี้ระยะสั้น 928,044.63 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.53 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 8

เอกสารแนบ 2

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะขอสรุปผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2558 วงเงินรวม 183,083.71 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 140,730.91 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจ 42,352.80 ล้านบาท

1. การบริหารจัดการหนี้รัฐบาล วงเงินรวม 140,730.91 ล้านบาท ประกอบด้วย
  • การกู้เงินในประเทศ 130,256.56 ล้านบาท
  • การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ 53.19 ล้านบาท
  • การชำระหนี้ 10,421.16 ล้านบาท

1.1 การกู้เงินในประเทศ กระทรวงการคลังกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 130,256.56 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้

1.1.1 การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 109,075.46 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล จำนวน 33,000 ล้านบาท พันธบัตรออมทรัพย์ จำนวน 11,760.46 ล้านบาท และตั๋วเงินคลัง จำนวน 64,315ล้านบาท

1.1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ จำนวน 70.11 ล้านบาท จากสัญญาเงินกู้วงเงิน 15,393 ล้านบาท ที่ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 ภายใต้ พ.ร.ก. บริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ

1.1.3 การเบิกจ่ายเงินกู้ให้กู้ต่อ จำนวน 1,110.99 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

(1) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 524.07 ล้านบาท สายสีเขียว จำนวน 233.31 ล้านบาท และสายสีม่วง จำนวน 54.22 ล้านบาท

(2) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง จำนวน 299.39 ล้านบาท 1.1.4 การเบิกจ่ายเงินกู้บาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 20,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2

1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ กระทรวงการคลังได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้จากต่างประเทศ จำนวน 53.19 ล้านบาทรายละเอียด ดังนี้

1.2.1 การเบิกจ่ายเงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) จำนวน 52.48 ล้านบาท หรือ 177.60 ล้านเยน เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต

1.2.2 การเบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย จำนวน 0.71 ล้านบาท หรือ 0.02 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง

1.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ กระทรวงการคลังไม่มีการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ

1.4 การชำระหนี้ กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้ จำนวน 10,421.16 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

1.4.1 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 8,661.99 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้

  • ชำระเงินต้น จำนวน 7,203.71 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน แบ่งเป็น (1) การชำระหนี้ที่ออกภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 3,930.25 ล้านบาท (2) การชำระหนี้เงินกู้ที่รัฐบาลให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 3,098.46 ล้านบาท และ(3) การชำระหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้แทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 175 ล้านบาท ซึ่งหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกันและรับภาระแทน
  • ชำระดอกเบี้ยหนี้ในประเทศ จำนวน 1,458.28 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน

1.4.2 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เพื่อชำระดอกเบี้ย จำนวน 1,759.17 ล้านบาท แบ่งเป็น

(1) การชำระหนี้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF 1) จำนวน 1,530.62 ล้านบาท

(2) การชำระหนี้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) จำนวน 228.55 ล้านบาท

2. การบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม 42,352.80 ล้านบาท

2.1 การกู้เงินในประเทศ รัฐวิสาหกิจไม่มีการกู้เงินในประเทศ

2.2 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ

รัฐวิสาหกิจได้มีการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศเป็นเงิน 42,352.80 ล้านบาท

--กระทรวงการคลัง--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ