Macro Morning Focus ประจำวันที่ 22 พ.ค. 2552
SUMMARY:
1. สอท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. 52 ปรับตัวเพิ่มขึ้น
2. ปริมาณการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ เดือนเม.ย.52 ต่ำสุดในรอบ 15 เดือน
3. เศรษฐกิจไต้หวันหดตัวเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ -10.2 ต่อปี
HIGHLIGHT:
1. สอท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. 52 ปรับตัวเพิ่มขึ้น
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. 52 ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 76.3 จากที่ระดับ 69.4 ในเดือนมี.ค.52 โดยได้รับปัจจัยบวกจากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายโดยรวม ตลอดจนปริมาณการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลประกอบการในเดือนเม.ย.52 ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าเดือนเม.ย.52 จะมีวันทำการน้อย แต่มีการเร่งการผลิตเพื่อชดเชยไปแล้วในเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ยังคงมีระดับที่ไม่แข็งแกร่งมากนัก โดยอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 100 และติดต่อกันเป็นเดือนที่ 37 นับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา
- สศค. วิเคราะห์ว่าดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. 52 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 76.3 นับเป็นสัญญานที่ดีที่สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการมีปัจจัยด้านบวกต่อความเชื่อมั่นในการประกอบการ และเชื่อมั่นในนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ยังจะส่งผลดีต่อการกระตุ้นอุปสงค์รวมภายในประเทศเพิ่มขึ้นและภาครัฐควรมีมาตรการเสริมที่ต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังคงมีปัจจัยเสี่ยงด้านต้นทุนพลังงานที่อาจเพิ่มสูงขึ้น เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
2. ปริมาณการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ เดือนเม.ย.52 ต่ำสุดในรอบ 15 เดือน
- กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัทฮอนด้า เปิดเผยว่า ปริมาณการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ เดือนเม.ย.52 มีทั้งสิ้นจำนวน 1053,633 คัน หรือหดตัวลงร้อยละ 19 ต่อปี ซึ่งนับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบปีนี้ และเป็นปริมาณการจดทะเบียนที่ต่ำสุดในรอบ 15 เดือน หลังจากที่มีการเติบโตในช่วงไตรมาสแรกมาโดยตลอด ผลจากปัจจัยลบหลายประการ ได้แก่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ และเทศกาลวันหยุดยาวในช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี ยอดจดทะเบียนสะสมมีทั้งสิ้น 461,655 คัน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ลดลงร้อยละ 17 ต่อปี
- สศค. วิเคราะห์ว่า ปริมาณการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่ลดลงในช่วงเดือนเม.ย.และช่วง 4 เดือนแรกของปี 52 นั้น เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลง ผลจากสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย ความไม่สงบทางการเมือง และภาวะการจ้างงานที่ไม่แน่นอน ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจลดลง จึงลดกำลังซื้อและการใช้จ่ายลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ จะแสดงให้เห็นในตัวเลขการบริโภคภาคเอกชนที่ชะลอตัวลง ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ว่าในปี 2552 การบริโภคภาคเอกชนจะเติบโตเพียงเล็กน้อยที่ช่วงร้อยละ 1 ถึง 1.5 ต่อปี (คาดการณ์ ณ เดือนมี.ค.52)
3. เศรษฐกิจไต้หวันหดตัวเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ -10.2 ต่อปี
- สำนักงานสถิติไต้หวันประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ปี52 หดตัวลงร้อยละ -10.2 ต่อปี หดตัวเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ร้อยละ -8.6 ต่อปี (ตัวเลขปรับปรุง) โดยทางด้านอุปทาน ภาคบริการซึ่งมีสัดส่วนถึงร้อยละ 75 ของ GDP หดตัวถึงร้อยละ -2.8 ต่อปี อีกทั้งภาคอุตสาหกรรมหดตัวลงถึงร้อยละ -27.0 ต่อปี ในขณะที่ทางด้านอุปสงค์ การลงทุนหดตัวถึงร้อยละ -33.8 ต่อปี และภาคการส่งออกยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง
- สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไต้หวันได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำอย่างรวดเร็วมาตั้งแต่เริ่มต้น อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจไต้หวันเป็นเศรษฐกิจเปิด ที่มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าเพียงหมวดหมู่เดียว คือสินค้าเทคโนโลยี ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของอุปสงค์ภายนอกที่สูง อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจจีนสามารถฟื้นตัวได้เร็วดังที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายไว้ เศรษฐกิจไต้หวันน่าจะได้รับอานิสงส์ผ่านการส่งออกไปยังจีน ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ว่าในปี 2552 เศรษฐกิจไต้หวันจะหดตัวที่ประมาณร้อยละ -9.3 ถึง -8.7 ต่อปี
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th