สำหรับจำนวนผู้มีงานทำ 38.11 ล้านคน ประกอบด้วยผู้ทำงานในภาคเกษตรกรรม 12.85 ล้านคน และนอกภาคเกษตรกรรม 25.26 ล้านคน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2557 พบว่า จำนวนผู้ทำงานในภาคเกษตรกรรมลดลง 3.0 แสนคน ในขณะที่นอกภาคเกษตรกรรมมีจำนวนผู้ทำงานเพิ่มขึ้น 2.5 แสนคน (จาก 25.01 ล้านคน เป็น 25.26 ล้านคน) ในจำนวนนี้เป็นการเพิ่มขึ้นใน สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหารและสาขาการศึกษาเท่ากันคือ 1.0 แสนคน สาขากิจกรรมการบริการด้านอื่น ๆ เช่น กิจกรรมบริการเพื่อสร้างเสริมสุขภาพร่างกาย การดูแลสัตว์เลี้ยง การบริการซักรีดและซักแห้ง เป็นต้น 8.0 หมื่นคน สาขากิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ 5.0 หมื่นคน และสาขาการขายส่งการขายปลีก การซ่อมยานยนต์และร5จักรยานยนต์ 2.0 หมื่นคน ส่วนสาขาที่ลดลงมากที่สุดคือสาขาการก่อสร้าง สาขากิจกรรมทางการเงินและการประกันภัย และสาขากิจกรรมด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์เท่ากันคือ 6.0 หมื่นคน และสาขาการผลิต และสาขาการบริหารราชการ การป้องกันประเทศและการประกันสังคมภาคบังคับเท่ากันคือ 1.0 หมื่นคน สำหรับสาขาการขนส่งและส5นที่ เก็บสินค้าไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และที่เหลือกระจายอยู่ในสาขาอื่นๆ
หากพิจารณา5งจำนวนผู้ที่ทำงานแต่ยังทำงานได้ ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นผู้ทำงานแต่ยังมีเวลาและพร้อมที่จะทำงานได้อีก หรือเรียกคนทำงานในกลุ่มนี้ว่า ผู้ทำงานต่ำกว่าระดับ (Underemployment workers) จากผลการสำรวจพบว่า มีผู้ที่ทำงานต่ำกว่าระดับ 1.90 แสนคน หรือร้อยละ 0.5 ของจำนวนผู้ทำงานทั้งหมด ซึ่งคนกลุ่มนี้แม้ว่าจะมีงานทำแล้วก็ตาม แต่ยังมีเวลาว่างที่มากพอและพร้อมที่จะทำงานเพิ่มขึ้น เพื่อต้องการเพิ่มรายได้ให้กับตนเอง
เมื่อพิจารณาจำนวนผู้ทำงานต่ำกว่าระดับ จำแนกตามเพศ พบว่า โดยปกติแล้วเพศชายมากกว่าเพศหญิง สำหรับเดือนพฤศจิกายน 2558 เพศชายมีจำนวนผู้ทำงาน ต่ำกว่าระดับ 1.08 แสนคน (ร้อยละ 0.5) และเพศหญิง 8.2 หมื่นคน (ร้อยละ 0.5) ตามลำดับ
สำหรับจำนวนผู้ว่างงานในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 มีทั้งสิ้น 3.46 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงาน ร้อยละ 0.9 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 1.36 แสนคน (จาก 2.10 แสนคน เป็น 3.46 แสนคน) และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 1.8 หมื่นคน (จาก 3.28 แสนคน เป็น 3.46 แสนคน) เมื่อเปรียบเทียบอัตราการว่างงานกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบว่าอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 0.9 เมื่อเปรียบเทียบอัตราการว่างงาน ตามเพศใน เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 พบว่า เพศชายมีอัตราการว่างงานสูงกว่าเพศหญิงคือร้อยละ 1.0 และร้อยละ 0.7 ตามลำดับ เมื่อพิจารณา5งจำนวนผู้ว่างงาน พบว่า ผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อน 1.24 แสนคน และผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน 2.22 แสนคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.26 แสนคน จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (จาก 0.96 แสนคน เป็น 2.22 แสนคน) โดยเป็น ผู้ว่างงานจากภาคการผลิต 1.1 แสนคน ภาคการบริการและการค้า 9.3 หมื่นคน และภาคเกษตรกรรม 1.9 หมื่นคน ตามลำดับ
สำหรับการว่างงานตามกลุ่มอายุ พบว่า กลุ่มวัยเยาวชน หรือผู้มีอายุ 15-24 ปี มีอัตราการว่างงานร้อยละ 3.5 ซึ่งปกติในกลุ่มนี้อัตราการว่างงานจะสูง ส่วนกลุ่มวัยผู้ใหญ่ (อายุ 25 ปีขึ้นไป) มีอัตราการว่างงานร้อยละ 0.6 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 กลุ่มวัยเยาวชนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นคือจากร้อยละ 2.8 เป็นร้อยละ 3.5 แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 กลุ่มวัยเยาวชน มีอัตราการว่างงานลดลงจากร้อยละ 3.6 เป็นร้อยละ 3.5 สำหรับในกลุ่มวัยผู้ใหญ่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.3 เป็นร้อยละ 0.6 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา
สำหรับระดับการศึกษาที่สำเร็จของผู้ว่างงานใน เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 พบว่า ผู้ว่างงานที่สำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษา 1.22 แสนคน (อัตราการว่างงานร้อยละ 1.4) รองลงมาเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 7.8 หมื่นคน (ร้อยละ 1.3) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 6.8 หมื่นคน (ร้อยละ 1.1) ระดับประ5มศึกษา 6.0 หมื่นคน (ร้อยละ 0.7) และผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประ5มศึกษา 1.8 หมื่นคน (ร้อยละ 0.2) และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 พบว่า จำนวนผู้ว่างงานในระดับอุดมศึกษาเพิ่มขึ้น 5.4 หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 3.1 หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 2.9 หมื่นคน ระดับประ5มศึกษา 2.1 หมื่นคน และผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประ5มศึกษา 1 พันคน เมื่อพิจารณาจำนวนผู้ว่างงาน เป็นรายภาค พบว่า ภาคกลางมีจำนวนผู้ว่างงานสูงสุด 1.43 แสนคน อัตราการว่างงาน (ร้อยละ 1.2) รองลงมาเป็นภาคใต้ 5.2 หมื่นคน (ร้อยละ 1.0) กรุงเทพมหานคร 5.1 หมื่นคน (ร้อยละ 0.9) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5.1 หมื่นคน (ร้อยละ 0.5) และภาคเหนือ 4.9 หมื่นคน (ร้อยละ 0.8) เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2557 จะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ว่างงานทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 1.36 แสนคน (จาก 2.10 แสนคน เป็น 3.46 แสนคน) เมื่อพิจารณาเป็น รายภาค พบว่า ภาคกลางจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มมากที่สุด 6.7 หมื่นคน รองลงมาเป็นกรุงเทพมหานคร 3.0 หมื่นคน ภาคเหนือ 2.4 หมื่นคน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1.8 หมื่นคน ในขณะที่ภาคใต้มีจำนวนผู้ว่างงานลดลง 3 พันคน