สรุปผลข้อมูลเบื้องต้น สำมะโนอุตสาหกรรม พ.ศ. 2560 การเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐาน : ภาคเหนือ

ข่าวผลสำรวจ Tuesday July 4, 2017 15:21 —สำนักงานสถิติแห่งชาติ

สรุปผลข้อมูลเบื้องต้น

สำมะโนอุตสาหกรรม พ.ศ. 2560

การเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐาน : ภาคเหนือ

เนื่องจากบริบทของประเทศมีการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเศรษฐกิจสังคมและการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมทำให้โครงสร้างการดำเนินธุรกิจและอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไป เช่น วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น และมีธุรกิจทางการค้า การบริการ และอุตสาหกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้น เป็นต้นซึ่งถือเป็นกลไกที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของระบบเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นข้อมูลสถิติและสารสนเทศโครงสร้างขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจและอุตสาหกรรม จึงมีความสำคัญและจำเป็นสำหรับภาครัฐและเอกชนใช้ในการกำหนดนโยบายและวางแผนพัฒนาด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจในตลาดโลก

สำนักงานสถิติแห่งชาติ จัดทำสำมะโนอุตสาหกรรมทุก 10 ปี ตามข้อเสนอแนะขององค์การสหประชาชาติ และได้วางแผนเปลี่ยนเป็นจัดทำทุก 5 ปี เพื่อให้ประเทศมีข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญทางด้านอุตสาหกรรมการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานสถิติแห่งชาติจัดทำสำมะโนอุตสาหกรรมมาแล้ว 4 ครั้ง ในปี 2507 ปี 2540 ปี 2550 และปี 2555 สำหรับปี 2560 เป็นการจัดทำสำมะโนอุตสาหกรรมครั้งที่ 5 ของประเทศไทย ในการจัดทำสำมะโนอุตสาหกรรม พ.ศ. 2560 ได้กำหนดแผนการดำเนินงานเป็น2 ขั้นตอนคือ ขั้นการเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานหรือการนับจดสถานประกอบการทุกประเภท ซึ่งดำเนินการในปี 2559 และขั้นการเก็บรวบรวม ข้อมูลรายละเอียดหรือการแจงนับสถานประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิต ดำเนินการในปี 2560

การนำเสนอผลสำมะโนฉบับนี้ เป็นผลจากขั้นการเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานหรือการนับจด สถานประกอบการในปี 2559 ซึ่งจัดจำแนกประเภทสถานประกอบการตามการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมประเทศไทย ปี 2552 (Thailand Standard Industrial Classification : TSIC 2009) ได้แก่ ธุรกิจทางการค้า ธุรกิจทางการบริการ การผลิตการก่อสร้าง การขนส่งทางบกและสถานที่เก็บสินค้า กิจกรรมด้านข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร และกิจกรรมด้านโรงพยาบาลเอกชน ที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือ โดยดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลสถานประกอบการในพื้นที่เขตเทศบาลระหว่างเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2559 และพื้นที่นอกเขตเทศบาลระหว่างเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2559

ผลการเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานของสถานประกอบการในภาคเหนือ พบว่า มีสถานประกอบการจำนวนทั้งสิ้น 484,351 แห่ง ในจำนวนนี้แยกเป็นสถานประกอบการ ที่เก็บรวบรวมรายการข้อมูลพื้นฐานในแบบสอบถามได้ครบถ้วน จำนวน 467,221 แห่ง และสถานประกอบการที่เก็บรวบรวมรายการข้อมูลได้เพียง ชื่อ ที่ตั้ง และประเภทธุรกิจอุตสาหกรรม จำนวน 17,130 แห่ง สำหรับข้อมูลที่นำเสนอผลในสรุปผลข้อมูลเบื้องต้นฉบับนี้จะเป็นข้อมูลของสถานประกอบการที่เก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานได้ครบถ้วนจำนวน 467,221 แห่ง เท่านั้น สรุปได้ดังนี้

จำนวนสถานประกอบการ

จากการเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานของสถานประกอบการ ในภาคเหนือพบว่า มีจำนวนสถานประกอบการทั้งสิ้น 467,221 แห่ง

หากพิจารณาเป็นรายจังหวัด พบว่า จังหวัดที่มีจำนวนสถานประกอบการมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงรายแพร่ นครสวรรค์ และลำปาง ส่วนจังหวัดที่มีจำนวนสถานประกอบการน้อยที่สุด 5 อันดับ คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน อุทัยธานีอุตรดิตถ์ ตาก และสุโขทัยตามลำดับ

เมื่อเปรียบเทียบจำนวนสถานประกอบการระหว่างปี 2554 และ ปี 2559 ในภาคเหนือ พบว่า ในภาพรวมจำนวนสถานประกอบการเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2

หากพิจารณาเป็นรายจังหวัด พบว่า จังหวัดในภาคเหนือมากกว่าครึ่งมีจำนวนสถานปประกอบการเพิ่มขึ้น โดยจังหวัดพิจิตรมีอัตราการเพิ่มขึ้นของสถานประกอบการสูงสุดร้อยละ 52.3 รองลงมาคือจังหวัดอุทัยธานีมีอัตราการเพิ่มขึ้นของสถานประกอบการร้อยละ 35.0 ในขณะที่จังหวัดลำพูน อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร และเชียงใหม่ มีจำนวนสถานประกอบการลดลงเมื่อเทียบกับปี 2 2554 โดยจังหวัดลำพูนมีอัตราการลดลงของสถานประกอบการสูงสุดรร้อยละ 10.7

ขนาดสถานประกอบการ

เมื่อพิจารณาขนาดสถานประกอบการซึ่งวัดด้วยจำนวนคนทำงาน พบว่า ส่วนใหญ่ (ร้อยละ98.4) เป็นสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 1 - 15 คน ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 1.6 เป็นสถานประกอบการที่มีคนทำงานตั้งแต่ 16 คนขึ้นไป โดยเป็นสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 16 - 25 คน ร้อยละ 0.8 สถานประกอบการที่มีคนทำงาน 3 31 - 50 คน และมากกว่า 50 คคน มีร้อยละ 0.3 สำหรับสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 26 - 30 คน มีเพียงร้อยละ 0.2

คนทำงานในสถานประกอบการ

สำหรับคนทำงาน ในสถานประกอบการที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือ ในปี 2559 มีจำนวนประมาณ 1.3 ล้านคนในจำนวนนี้เป็นคนทำงานที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 1 - 15 คน ประมาณ 942,200 คน รองลงมาเป็นคนทำงานที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบการที่มีคนทำงานมากกว่า 200 คนคน และ 51 - 200 คน ประมาณ 126,400 คน และ 97,300 คน ตามลำดับ ส่วนสถานประกอบการขนาดอื่น ๆมีคนทำงานในสถานประกอบการไม่เกิน 80,000 คน

เมื่อเปรียบเทียบจำนวนคนทำงาน ในปี 2559 และปี 2554 พบว่า มีจำนวนเพิ่มขึ้น จาก 1.2 ล้านคนเป็น 1.3 ล้านคน คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.4 โดยเกือบทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีจำนวนคนทำงานเพิ่มขึ้น ยกเว้น สถานประกอบการที่ประกอบกิจกรรมทางด้านการผลิต ที่มีจำนวนคนทำงานลดลงจากเดิม 0.4 ล้านคน เหลือเพียง 0.3 ล้านคน เช่น ในอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า การผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วงการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ เป็นต้น

เมื่อพิจารณาคนทำงานในแต่ละจังหวัดของภาคเหนือ พบว่า จังหวัดเชียงใหม่ มีคนทำงานมากที่สุดประมาณ 284,100 คน รองลงมาคือ เชียงราย และลำพูน มีคนทำงานประมาณ 139,300 คน และ 104,000 คน ตามลำดับ ส่วนจังหวัดที่มีคคนทำงานน้อยที่สุดคือ แม่ฮ่องสอน ประมาณ 14,500 คน

เมื่อเปรียบเทียบจำนวนคนทำงานในปี 2559 และปี 2554 พบว่า เกือบทุกจังหวัดมีจำนวนคนทำงานเพิ่มขึ้นโดยจังหวัดสุโขทัย และเชียงราย มีคนทำงานเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึงร้อยละ 26.9 และ 26.8 ตามลำดับ ในขณะที่จังหวัดลำพูน กำแพงเพชร และแม่ฮ่องสอน มีจำนวนคนทำงานที่ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2 2554 โดยจังหวัดลำพูนมีอัตราการลดลงสูงที่สุด (ร้อยละ 17.4)

รูปแบบการจัดตั้งตามกฎหมาย

เมื่อพิจารณาตามรูปแบบการจัดตั้งตามกฎหมาย พบว่า สถานประกอบการส่วนใหญ่ (ร้อยละ 94.7) มีรูปแบบการจัดตั้งเป็นส่วนบุคคล รองลงมาเป็นบริษัทจำกัด บริษัทจำกัด (มหาชน) ร้อยละ 2.3 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ร้อยละ 1.8 สำหรับสถาน-ประกอบการที่เป็นกลุ่มแม่บ้าน และรูปแบบอื่นๆ (ส่วนราชการรัฐวิสาหกิจสหกรณ์ สมสมาคม มูลนิธิ ฯลฯ) มีเพียง ร้อยละ 1.2 ซึ่งหากพิจารณาจำนวนคนทำงานเฉลี่ยต่อสถานประกอบการพบว่า สถานประกอบการที่เป็นบริษัทจำกัด และบบริษัทจำกัด (มหาชน) มีจำนวนคนทำงานเฉลี่ยสูงสุดถึง 27 คนต่อสถานประกอบการ

รูปแบบการจัดตั้งทางเศรษฐกิจ

เมื่อพิจารณาตามรูปแบบการจัดตั้งทางเศรษฐกิจพบว่า สถานประกอบการส่วนใหญ่ (ร้อยละ 98.4) มีรูปแบบการจัดตั้งเป็นสำนักงานแห่งเดียว ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 1.3 เป็นสำนักงานสาขา ร้อยละ 0.3 เป็นสำนักงานใหญ่

การร่วมลงทุนถือหุ้น

สถานประกอบการที่มีรูปแบบการจัดตั้งตามกฎหมายเป็นบริษัทจำกัดบริษัทจำกัด (มหาชน) ในภาคเหนือมีจำนวน 10,790 แห่ง ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 97.8) ไม่มีการร่วมลงทุนหรือถือหุ้นจากต่างประเทศ สำหรับสถานประกอบการที่มีต่างประเทศร่วมลงทุนหรือถือหุ้นมีเพียงร้อยละ 2.2 ในจำนวนนี้เป็นสถานประกอบการที่มีสัดส่วนการร่วมลงทุนหรือถือหุ้นจากต่างประเทศระหว่าง 10 - 50%คิดเป็นร้อยละ 1.0 ส่วนสถานประกอบการที่มีสัดส่วนการร่วมลงทุนหรือถือหุ้นจากต่างประเทศน้อยกว่า 10% และมากกว่า 50%มีร้อยละ 0.6

การมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการดำเนินกิจการ

สำหรับการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการดำเนินกิจการพบว่า สถานประกอบการในภาคเหนือมีการใช้คอมพิวเตอร์ในการดำเนินกิจการประมาณ 40,419 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 8.7 ของสถานประกอบการทั้งสิ้น

สำหรับการใช้อินเทอร์เน็ตจากสถานประกอบการที่มีการใช้คอมพิวเตอร์ พบว่า มีการใช้อินเทอร์เน็ตร้อยละ 107.2 นอกจากนี้ ยังพบว่า สถานประกอบการที่ใช้อินเทอร์เน็ตในการดำเนินกิจการยังมีการซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านอินเทอร์เน็ต(E-Commerce)ร้อยละ 38.3

ระยะเวลาในการดำเนินกิจการ

สำหรับระยะเวลาในการดำเนินกิจการของสถานประกอบการพบว่าสถานประกอบการส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มดำเนินกิจการไม่เกิน 5 ปี (ร้อยละ 31.8) รองลงมาเป็นสถานประกอบการที่ดำเนินกิจการ10 - 19 ปี และ 5 - 9 ปี โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 30.4 และ 24.0 ตามลำดับ สำหรับสถานประกอบการที่ดำเนินกิจการเกิน 20 ปี มีร้อยละ 13.8 เท่านั้น เมื่อพิจารณาตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจพบว่า สถานประกอบการที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับทีที่พักแรม บริการอาหารและเครื่องดื่ม กิจกรรมด้านการบริการอื่นๆ กิจกรรมการบริหารและการบริการสนับสนุน ศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ การขายและการซ่อมแซมยานยนต์และจักรยานยนต์การขายปลีก และกิจกรรมทางวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคนิค ส่วนใหญ่มีระยะเวลาในการดำเนินกิจการน้อยกว่า 5 ปี

สำหรับกิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ การขายส่ง ขนส่งทางบก และสถานที่เก็บสินค้า การก่อสร้าง และการผลิต ส่วนใหญ่มีระยะเวลาในการดำเนินกิจการ 10 - 19 ปี

ที่มา : สำนักงานสถิติแห่งชาติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ