1. สถานการณ์ปัจจุบัน
การผลิต
ปริมาณการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญในไตรมาสที่ 4 ปี 2551 มีประมาณ 985,881เมตริกตัน (ไม่รวมผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบและท่อเหล็กเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ ) ชะลอตัวลง ร้อยละ 49.26 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนและเมื่อ พิจารณาในรายผลิตภัณฑ์ พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญทุกตัวมีการผลิตที่ลดลง โดยเหล็กแผ่นเคลือบชนิดอื่นๆ ลดลงมากที่สุด ร้อยละ 67.63 รองลงมาคือ เหล็กแผ่นรีดเย็น ลดลง ร้อยละ 54.12 และเหล็กแผ่นรีดร้อน ลดลง ร้อยละ 53.76 เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว มีผลให้ความต้อง การของผู้ใช้ที่สำคัญ ได้แก่อุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ลดลงด้วย จึงทำให้ไม่มีคำสั่งซื้อจากอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ในช่วงนี้เนื่องจากอุตสาหกรรมต่อเนื่องเองก็ยังคงมีสต๊อกอยู่ในปริมาณที่มาก ส่งผลให้ผู้ผลิตลดการผลิตลง สำหรับเหล็กทรงยาวซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่คือ อุตสาหกรรมก่อสร้างมีการผลิตที่ลดลง ร้อยละ 45 เนื่องจากการชะลอตัวของธุรกิจก่อสร้างประกอบกับยังคงมีสต๊อกอยู่ทั้งผู้ผลิตและพ่อค้าคนกลาง รายละเอียดตามตารางที่ 1
หน่วย : เมตริกตัน
ผลิตภัณฑ์(1) ไตรมาสที่ 4 ไตรมาสที่ 4 อัตราการ ปี 2551 ปี 2550 เปลี่ยนแปลง
(ร้อยละ)
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป(Semi-Finished Products) 847,899 1,488,000 -43.02 เหล็กทรงยาว(Long Products) 548,590 997,457 -45 เหล็กทรงแบน(Flat Products) 847,100 1,725,448 -50.91 เหล็กแผ่นรีดร้อน(Hot-rolled Flat) 437,291 945,714 -53.76 เหล็กแผ่นรีดเย็น(Cold-rolled Flat) 245,889 536,011 -54.12 เหล็กแผ่นเคลือบ (Coated Steel) 163,910 243,723 -32.75 - เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี(Galvanized Sheet) 61,974 68,931 -10.09 - เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก (Tin plate) 46,518 56,471 -17.62 - เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม (Tin free) 27,869 33,221 -16.11 - อื่นๆ (other coated steel) 27,549 85,100 -67.63 ท่อเหล็ก (Pipes & Tubes) N/A N/A N/A รวม(1) 985,881 1,943,171 -49.26 ที่มา : สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย
หมายเหตุ(1) : ไม่รวมผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบ และท่อเหล็กเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ
การใช้ในประเทศ(ก)
ปริมาณการใช้เหล็กและเหล็กกล้าในประเทศที่สำคัญในไตรมาสที่ 4 ของ ปี 2551 ประมาณ 1,464,562 เมตริกตัน ลดลง ร้อยละ 40.32 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยความต้องการใช้ในประเทศของทั้งเหล็กทั้ง 2 ประเภท คือ เหล็กทรงยาวและเหล็กทรงแบนในช่วง นี้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเหล็กทรงยาวมีความต้องการใช้ในประเทศลดลง ร้อยละ 47.98 เนื่องจากการชะลอตัวของธุรกิจก่อ สร้าง สำหรับเหล็กทรงแบนมีความต้องการใช้ในประเทศลดลง ร้อยละ 34.12 เนื่องจากความต้องการใช้ของอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ลดลง
การนำเข้า-การส่งออก
การนำเข้า
มูลค่าและปริมาณการนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญในไตรมาสที่ 4 ของ ปี 2551 มีจำนวนประมาณ 86,251 ล้านบาท และ 2,277,200 เมตริกตัน โดยมูลค่าและปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 73.14 และ 24.30 ประเทศที่มีการนำเข้ามากที่สุด ได้แก่ ประเทศ ญี่ปุ่นและรัสเซีย ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ เหล็กแท่งแบน (Slab) เพิ่มขึ้น ร้อยละ 628.37 เนื่องจากผู้ผลิตในกลุ่มเหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าราคาเหล็กจะสูงมากขึ้น จึงสั่งวัตถุดิบเพิ่มมากขึ้น รองลงมาคือ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก เพิ่มขึ้น ร้อยละ 207.88 และเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 124.33
ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เหล็กแท่งแบน (Slab) มีมูลค่า 14,365ล้านบาท รองลงมาคือ เหล็กแผ่น เคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน มีมูลค่า 11,670 ล้านบาท และเหล็กแผ่นบางรีดร้อน มีมูลค่า 10,539 ล้านบาท รายละเอียดตามตารางที่ 2
หมายเหตุ(ก) ข้อมูลการใช้ในประเทศจะเป็นปริมาณการใช้ปรากฎ (Apparent Steel Use) ซึ่งรวมสต๊อกไว้ด้วย
หน่วย : ปริมาณ: เมตริกตัน/ มูลค่า : ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์ ไตรมาสที่ 4 ไตรมาสที่ 4 อัตราการ ตลาดนำเข้า ปี 2551 ปี 2550 เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ
(ร้อยละ)
ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป(Semi-Finished Products) 684,204 18,054 374,288 6,665 82.8 170.9 รัสเซีย บราซิล - เหล็กแท่งเล็ก (Billet) 170,291 2,810 140,072 2,729 21.57 2.97 รัสเซีย ยูเครน - เหล็กแท่งแบน (Slab) 480,618 14,365 111,418 1,972 331.36 628.4 รัสเซีย บราซิล - อื่นๆ (Others) 33,295 879 122,798 1,964 -72.89 -55.24 จีน ยูเครน เหล็กทรงยาว (Long Products ) 141,039 5,780 206,818 5,051 -31.81 14.43 จีน ญี่ปุ่น - เหล็กเส้น (Bar) 62,828 2,601 56,824 1,510 10.57 72.3 ญี่ปุ่น จีน - เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน (HR sections ) 6,124 355 13,777 496 -55.55 -28.4 ญี่ปุ่น สิงคโปร์ - เหล็กลวด (Wire rods) 72,087 2,823 136,217 3,045 -47.08 -7.28 จีน ญี่ปุ่น เหล็กทรงแบน(Flat Products ) 1,334,138 53,303 1,186,847 32,115 12.41 65.97 ญี่ปุ่น เหล็กแผ่นรีดร้อน(Hot-Rolled Flat Products) 629,546 21,633 597,258 12,582 5.41 71.93 ญี่ปุ่น - เหล็กแผ่นหนารีดร้อน(HR plate) 46,984 2,178 40,495 1,274 16.02 70.9 ญี่ปุ่น จีน - เหล็กแผ่นบางรีดร้อน(HR sheet) 317,237 10,539 346,359 6,634 -8.41 58.86 ญี่ปุ่นออสเตรเลีย - เหล็กแผ่นบางรีดร้อนชนิดผ่านการกัดล้างและชุบน้ำมัน 265,326 8,916 210,404 4,674 26.1 90.76 ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ (HR sheet P&O ) เหล็กแผ่นรีดเย็น(Cold-Rolled Flat Products) 216,765 10,369 158,566 6,446 36.7 60.86 ญี่ปุ่น - เหล็กแผ่นรีดเย็น(CR carbon steel) 191,118 7,582 126,675 3,380 50.87 124.3 ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ - เหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม(CR stainless steel) 25,647 2,787 31,891 3,066 -19.58 -9.11 ญี่ปุ่น จีน เหล็กแผ่นเคลือบ(Coated Steel Products) 487,826 21,302 431,023 13,087 13.18 62.77 ญี่ปุ่น - เคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน(Galv. Sheet (HDG)) 293,885 11,670 270,464 7,733 8.66 50.91 ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ - เคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า(Galv. Sheet (EG)) 40,722 1,674 42,289 1,245 -3.71 34.41 ญี่ปุ่น จีน - เคลือบดีบุก (Tin plate) 47,950 2,535 25,299 823 89.53 207.9 เกาหลีใต้ - เคลือบโครเมียม(Tin free) 17,948 972 12,708 471 41.23 106.34 เกาหลีใต้ ไต้หวัน - อื่นๆ (Others) 87,323 4,451 80,262 2,814 8.80 58.15 ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ท่อเหล็ก (Pipe) 117,820 9,124 64,064 5,990 83.91 52.34 จีน ญี่ปุ่น - ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ(Pipe-Seamless) 92,586 6,054 42,505 3,900 117.82 55.23 จีน ญี่ปุ่น - ท่อเหล็กมีตะเข็บ(Pipe - Welded) 25,234 3,070 21,559 2,090 17.04 46.92 ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวม 2,277,200 86,261 1,832,018 49,821 24.30 73.14 ญี่ปุ่น รัสเซีย
การส่งออก
มูลค่าและปริมาณการส่งออกเหล็กและเหล็กกล้าในไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 มีจำนวนประมาณ 17,725 ล้านบาท และ 574,526 เมตริกตัน โดยทั้งมูลค่าและปริมาณการส่งออก ลดลง ร้อยละ 2.92 และ 4.71 ตามลำดับ ทั้งนี้ เป็นผลมาจากเมื่อไตรมาสที่ 4 ของปี ที่แล้ว ความต้องการใช้เหล็กของตลาดต่างประเทศ เช่น ตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ตะวันออกกลาง ขยายตัว ทำให้ผู้ผลิต ไทยส่งออกเพิ่มมากขึ้นแต่ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ความต้องการใช้เหล็กของตลาดในประเทศกลุ่มนี้ลดลงเนื่องสถานการณ์เศรษฐกิจของหลาย ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น ประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจจึงมีผลทำให้การเปลี่ยนแปลงปริมาณการส่งออกในช่วงนี้ลดลง
ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการส่งออกลดลงมากที่สุดในช่วงนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ เหล็กแท่งแบน (Slab) ลดลง ร้อยละ 98.07 เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน ลดลง ร้อยละ 84.74 และเหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม ลดลง ร้อยละ 71.79 รายละเอียดตามตารางที่ 3
หน่วย : ปริมาณ: เมตริกตัน/ มูลค่า : ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์ ไตรมาสที่ 4 ไตรมาสที่ 4 อัตราการ ตลาดส่งออก ปี 2551 ปี 2550 เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ
(ร้อยละ)
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป(Semi-Finished Products) 117,191 1,893 69,148 1,269 69.48 49.08 เวียดนาม - เหล็กแท่งเล็ก (Billet) 78,775 1,397 37,990 709 107.4 97.11 เวียดนาม - เหล็กแท่งแบน (Slab) 0 0 12 0 -97.92 -98.07 ไต้หวัน - อื่นๆ (Others) 38,416 495 31,146 560 23.34 -11.6 เวียดนาม เหล็กทรงยาว(Long Products ) 118,316 3,116 106,055 2,609 11.56 19.42 มาเลเซีย กัมพูชา - เหล็กเส้น (Bar) 71,949 1,551 33,383 692 115.5 124.2 กัมพูชา ลาว - เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน (HR sections) 32,268 1,252 60,928 1,661 -47.04 -24.6 มาเลเซีย ออสเตรเลีย - เหล็กลวด (Wire rods) 14,099 312 11,744 256 20.05 21.86 เวียดนามสิงคโปร์ เหล็กทรงแบน(Flat Products ) 232,764 7,005 371,414 10,649 -37.33 -34.22 สหรัฐอเมริกา เหล็กแผ่นรีดร้อน(Hot-Rolled Flat Products) 173,588 4,040 186,999 3,829 -7.17 5.53 เวียดนาม - เหล็กแผ่นหนารีดร้อน(HR plate) 18,710 735 46,213 1,037 -59.51 -29.18 สหรัฐอเมริกา - เหล็กแผ่นบางรีดร้อน(HR sheet) 15,564 337 34,694 762 -55.14 -55.73 ซาอุดิอาระเบีย อินโดนีเซีย - เหล็กแผ่นบางรีดร้อนชนิดผ่านการกัดล้างและชุบน้ำมัน 139,314 2,968 106,093 2,029 31.31 46.27 เวียดนาม (HR sheet P&O ) เหล็กแผ่นรีดเย็น(Cold-Rolled Flat Products) 30,358 1,636 147,560 5,580 -79.43 -70.69 ญี่ปุ่น - เหล็กแผ่นรีดเย็น(CR carbon steel) 19,724 798 118,983 2,674 -83.42 -70.14 ญี่ปุ่น จีน - เหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม(CR stainless steel) 10,634 837 28,577 2,906 -62.79 -71.19 อินเดีย อินโดนีเซีย เหล็กแผ่นเคลือบ(Coated Steel Products) 28,819 1,329 36,855 1,240 -21.81 7.12 อินเดีย พม่า - เคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน(Galv. Sheet (HDG)) 2,907 130 22,856 849 -87.28 -84.74 พม่า ลาว - เคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า(Galv. Sheet (EG)) 6,620 255 2,208 59 199.8 329.9 เม็กซิโก มาเลเซีย - เคลือบดีบุก (Tin plate) 395 16 225 7 75.44 135.7 ลาว มาเลเซีย - เคลือบโครเมียม(Tin free) 1,641 76 819 30 100.47 150.53 ลาว พม่า - อื่นๆ (Others) 17,257 852 10,748 294 60.56 189.35 อินเดีย ท่อเหล็ก (Pipe) 106,254 5,712 56,300 3,731 88.73 53.11 สหรัฐอเมริกา - ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ(Pipe-Seamless) 5,870 473 5,121 795 14.62 -40.47 ซาอุดิอาระเบีย พม่า - ท่อเหล็กมีตะเข็บ(Pipe - Welded) 100,384 5,239 51,179 2,935 96.14 78.47 สหรัฐอเมริกา เวเนซูเอลา รวม 574,526 17,725 602,918 18,258 -4.71 -2.92 เวียดนาม สหรัฐอเมริกา
2. สรุป
สถานการณ์เหล็กโดยรวมใน ไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน พบว่าการผลิตโดยรวมลดลง ร้อยละ 49.26 ความต้องการใช้ในประเทศ ลดลง ร้อยละ 40.32 สำหรับมูลค่าและปริมาณการนำเข้า เพิ่มขึ้น ร้อยละ 73.14 และ 24.30 ตามลำดับ โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของการนำเข้าเหล็กแท่งแบน (Slab) และเหล็กแผ่นเคลือบดีบุกที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 628.37 และ 207.88 ตามลำดับ สำหรับมูลค่าและปริมาณการส่งออกลดลง ร้อยละ 2.92 และ 4.71เนื่องจากความต้องการของตลาดต่างประเทศ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกาและ ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปลดลง ตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ
สำหรับสถานการณ์ราคาผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญ(FOB) ในตลาดโลกจาก CIS ณ ท่า Black Sea ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552 เป็นดังนี้
- ราคาเศษเหล็ก ( EU Shredded) 230 เหรียญสหรัฐ ( ณ วันที่ 18 ธันวาคม 2551)
- ราคาเหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต 365 เหรียญสหรัฐต่อตัน
- ราคาเหล็กเส้น 445 เหรียญสหรัฐต่อตัน
- ราคาเหล็กลวด 445 เหรียญสหรัฐต่อตัน
- ราคาเหล็กแท่งแบน 350 เหรียญสหรัฐต่อตัน
- ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน 415 เหรียญสหรัฐต่อตัน
- ราคาเหล็กแผ่นรีดเย็น 495 เหรียญสหรัฐต่อตัน
ซึ่งพบว่าราคาผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบนในตลาดโลกได้ปรับตัวลดลงอย่างมากตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 ทั้งนี้เป็นผลมาจากสถานการณ์ทาง เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้อุตสาหกรรมต่อเนื่องซึ่งเป็นผู้ใช้ที่สำคัญ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ได้ลดการผลิตลง ส่งผลให้ความต้องการใช้ เหล็กทรงแบนลดลงด้วย
บ. ArcelorMittal ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของโลกขาดทุน 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 4 ของปี 2008 เนื่องจาก ความต้องการเหล็กในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และรก่อสร้างที่ลดลงอย่างรวดเร็ว และเพื่อรักษาสภาพคล่องในภาวะธุรกิจที่ตกต่ำ นาย Lakshmi Mittal CEO ของ ArcelorMittal ได้ประกาศที่จะลดตำแหน่งงาน 9,000 ตำแหน่ง และลดเงินปันผลลง นอกจากนี้ ภารกิจที่สำคัญ อย่างหนึ่งของบริษัทก็คือการลดภาระหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยหนี้สินส่วนใหญ่เกิดจากการเข้าซื้อกิจการของคู่แข่งตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
สภาแห่งชาติจีนได้ลงมติผ่านแผนในการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็ก โดยมีมาตรการสำคัญคือ การสั่งให้หยุดการขยายกำลังการผลิตทุกชนิดชั่ว คราว โดยที่ปรึกษาของสมาคมเหล็กและเหล็กกล้าจีนได้เตือนว่า หากโครงการขยายกำลังการผลิตของจีนแล้วเสร็จทั้งหมดอาจทำให้จีนมีกำลังการผลิต ถึง 660 ล้านตัน แต่ความต้องการใช้จริงในปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านตัน ซึ่งหมายความว่าจะทำให้มีกำลังการผลิตส่วนเกินถึง 160 ล้านตัน นอก จากมาตรการควบคุมกำลังการผลิตแล้ว รัฐบาลจีนยังจะใช้ระบบภาษีส่งออกแบบยืดหยุ่นเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดของเหล็กจีนในตลาดโลก
จากข้อมูลสถิติของสมาคมเหล็กโลก (World Steel Association) ผลผลิตเหล็กดิบของโลกในปี 2008 อยู่ที่ 1,329.7 ล้านตัน ลด ลงร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในเดือนธันวาคม ผลผลิตลดลงถึง ร้อยละ 24.3 เนื่องจากความต้องการใช้เหล็กที่ลดลง อย่างมาก โดยการผลิตเหล็กดิบจากประเทศจีนมีปริมาณ 502 ล้านตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และการผลิตเหล็กดิบ ของประเทศเกาหลีใต้และอินเดีย เพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.8 และ ร้อยละ 3.7 ตามลำดับ แต่ผลผลิตของประเทศญี่ปุ่นกลับลดลง ร้อยละ 1.2 ในขณะที่ผล ผลิตเหล็กในตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.2 อย่างไรก็ตาม ผลผลิตเหล็กในภูมิภาคอื่นๆในโลกกลับลดลง โดยผลผลิตเหล็กดิบใน EU อเมริกา เหนือ อเมริกาใต้ และกลุ่มประเทศ CIS ได้ลดลง ร้อยละ 5.3 ร้อยละ 5.5 ร้อยละ 1.1 และ ร้อยละ 13 ตามลำดับ
3.แนวโน้ม
แนวโน้มสถานการณ์เหล็กโดยรวมในประเทศของไตรมาสที่ 1 ปี 2552 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดการณ์ว่าทั้งการผลิตใน กลุ่มเหล็กทรงยาวและเหล็กทรงแบนจะลดลงเนื่องจากปัญหาสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศส่งผลให้ความต้องการใช้เหล็กทรงยาวและเหล็กทรงแบน ชะลอตัวอยู่ประกอบกับทั้งผู้ผลิตและพ่อค้าคนกลางยังคงมีสต๊อกอยู่ และเมื่อพิจารณาในเรื่องการส่งออก พบว่า จากผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจของ หลายประเทศ เช่น ตะวันออกกลาง อาเซียน ทำให้คาดการณ์ว่าการส่งออกของเหล็กทั้ง 2 กลุ่มในตลาดดังกล่าวจะลดลงด้วย
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--