ในช่วงไตรมาสที่ 1 อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์อยู่ในภาวะที่ดีขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากเศรษฐกิจของโลกที่ฟื้นตัว และเป็นช่วงเทศกาลต่าง ๆ ปีใหม่ ตรุษจีน วาเลนไทน์ ทำให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยกันเพิ่มมากขึ้น แต่ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ใช้เคมีภัณฑ์เป็นวัตถุดิบในการผลิตยังคงทรงตัว
ผลิตภัณฑ์เคมีพื้นฐานที่มีการนำมาใช้เป็นวัตถุดิบ หรือส่วนประกอบในการผลิตผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่สำคัญได้แก่ โซดาไฟ คลอรีน ไฮโดรคลอริก(กรดเกลือ) และกรดซัลฟูริก ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ได้สำรวจข้อมูลการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โซดาไฟ โดยในไตรมาสที่ 1 ปริมาณการผลิต และการจำหน่ายมีปริมาณลดลง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
การผลิต
โซดาไฟ
การผลิตโซดาไฟในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 มีปริมาณ 210,104.2 ตัน ลดลงจากไตรมาสก่อนร้อยละ 9.91 และการจำหน่ายโซดาไฟในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 มีปริมาณ 180,404.5 ตัน ลดลงจากไตรมาสก่อนร้อยละ 7.43 การผลิตและการจำหน่ายลดลงเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ และวันตรุษจีน
หมายเหตุ : โซดาไฟเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเรา และยังใช้ประโยชน์ได้อีกมากมาย เช่น ในการผลิตเยื่อและกระดาษ สบู่และผลิตภัณฑ์ซักฟอก เคมีภัณฑ์ การทำความสะอาด โรงกลั่นน้ำมัน การใช้งานทางอุตสาหกรรมโลหะอุตสาหกรรมอาหาร เส้นใยเรยอน สิ่งทอ และอื่น ๆ
การตลาด
การนำเข้า
ไตรมาส 1 ปี 2553 การนำเข้าเคมีภัณฑ์อนินทรีย์มีมูลค่า 10,038 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.93 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.44 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เคมีภัณฑ์ อินทรีย์มีมูลค่าการนำเข้า 25,159 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.46 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 76.51 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมปุ๋ยเคมีมีมูลค่านำเข้า 17,780 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 84.09 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 146.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมสีมีการนำเข้า 11,737 เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.52 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 93.04 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเครื่องสำอางมีมูลค่านำเข้า 6,888 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.47 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.01 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การส่งออก
ไตรมาส 1 ปี 2553 การส่งออกเคมีภัณฑ์อนินทรีย์มีมูลค่า 3,452 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.23 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์อินทรีย์มีมูลค่าส่งออก 9,187 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.78 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมปุ๋ยเคมีมีมูลค่าการส่งออก 530 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.47 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และลดลงร้อยละ 10.92 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอุตสาหกรรมสีมีมูลค่าส่งออก 2,965 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.81 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.93 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเครื่องสำอางหรือสิ่งปรุงแต่งสำหรับประทินร่างกายมีมูลค่าส่งออก 11,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.54 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วและเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.03 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
แนวโน้ม
แนวโน้มของอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ในไตรมาสที่ 2 ปี 2553 ทั้งการผลิต การจำหน่ายนำเข้าและส่งออกน่าจะทรงตัว เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวของเทศกาลสงกรานต์ และยังมีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงเช่น ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในกรณีที่เศรษฐกิจของประเทศกรีซ และสเปนกำลังอยู่ในภาวะถดถอย ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินของสหรัฐ ฯ แข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้มูลค่าการนำเข้าและราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น และความไม่แน่นอนของการเมืองของไทยในขณะนี้
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--