พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 20 มกราคม 2560 - 26 มกราคม 2560

ข่าวทั่วไป Friday January 20, 2017 15:04 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 20 มกราคม 2560 - 26 มกราคม 2560

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 20-24 ม.ค. 60 อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 12-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-7 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 25-26 ม.ค. 60 อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-9 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • เกษตรกร ในช่วงนี้ จะมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป ยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตนเอง และสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ไม้ผล สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอก เช่น ลิ้นจี่และลำไย เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมอย่างเพียงพอ โดยเริ่มจากปริมาณน้อยๆแล้วค่อยเพิ่มปริมาณมากขึ้น หากขาดน้ำจะทำให้ดอกร่วงหล่น การติดผลลดลง รวมทั้งระวังการระบาดของศัตรูพืชโดยเฉพาะมวนลำไยที่จะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรม ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ
  • ปลากระชัง เกษตรกรควรดูแลปริมาณปลาให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำเพื่อไม่ให้ปลาอยู่อย่างแออัด จนทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งลดปริมาณอาหารเนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำจะทำให้ปลากินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 20-24 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-10 องศาเซลเซียส ส่วนในวันที่ 25-26 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.

  • เกษตรกร ในช่วงนี้ จะมีอากาศหนาวเย็นและมีลมแรง เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตนเอง และสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย รวมทั้งระวังการเกิดอัคคีภัย
  • สัตว์เลี้ยง ระยะนี้อากาศหนาวเย็น และมีลมแรง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และทำแผงกำบังลมหนาวให้กับสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันลมโกรกโรงเรือน ป้องกันสัตว์หนาวเย็น อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย โดยเฉพาะสัตว์เล็ก
  • สัตว์น้ำ ช่วงที่มีอุณหภูมิลดลงส่งผลให้อุณหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อปรับอุณหภูมิน้ำและเป็นการเพิ่มออกซิเจน รวมทั้งลดอาหารให้น้อยลง เพราะสัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้ น้ำเน่าเสียได้ ส่งผลให้ปลาอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 20-24 ม.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 25-26 ม.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • สัตว์เลี้ยง ตอนบนของภาคจะมีอากาศเย็นและมีลมแรง เกษตรกรควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน และอย่าปล่อยให้ลมหนาวโกรกภายในโรงเรือน เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงหนาวเย็น จนอ่อนแอและป่วยเป็นโรคได้ง่าย
  • พื้นที่การเกษตร สำหรับสภาพอากาศแห้งและลมแรง ทำให้น้ำระเหยไปจากดินและพืชได้มาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำและรักษาความชื้นในดิน รวมทั้งระวังศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชทรุดโทรม ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 20-24 ม.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 25-26 ม.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส

  • สัตว์น้ำ ช่วงที่อุณหภูมิลดลง เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อปรับอุณหภูมิน้ำไม่ให้เปลี่ยนแปลงมาก รวมทั้งควรลดอาหารลง เนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยน สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย เป็นเหตุให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ไม้ผล สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลอ่อน ชาวสวนควรดูแลให้น้ำอย่างเหมาะสม หากขาดน้ำจะทำให้ดอกและผลอ่อนร่วงหล่น รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเพลี้ยไฟและไรแดง ในมังคุด เงาะ และทุเรียน

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 20-22 ม.ค. จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ส่วนในช่วงวันที่ 23-25 ม.ค. จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัด สุราษฎร์ธานีลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 20-25 ม.ค. ภาคใต้ตั้งแต่สุราษฎร์ธานีลงไปจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งพืชผลทางการเกษตร ส่วนบริเวณที่น้ำลดลงแล้วเกษตรควรปรับปรุงระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนัก
  • ปาล์มน้ำมัน ระยะนี้ยังมีฝนตกต่อเนื่อง เกษตรกรควรระวังการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคยอดเน่า ทะลายเน่า และรากเน่า ชาวสวนควรหมั่นสำรวจหากพบควรรีบกำจัดก่อนระบาดเป็นบริเวณกว้าง
  • สัตว์เลี้ยง ฝนตกต่อเนื่องกับมีน้ำท่วมขัง เกษตรกรควรป้องกันการเจ็บป่วยของสัตว์ โดยเฉพาะโรคคอบวม และโรคปากเท้าเปื่อยในโคและกระบือ รวมทั้งควรหมั่นสังเกต หากพบสัตว์ป่วยควรแยกออกจากกลุ่ม และรีบรักษา
  • ประมงชายฝั่ง ในช่วงวันที่ 20-25 ม.ค. บริเวณอ่าวไทย จะมีคลื่นลมแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 20-23 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 24-26 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-33 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 20-25 ม.ค. ภาคใต้ตั้งแต่สุราษฎร์ธานีลงไปจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งพืชผลทางการเกษตร ส่วนบริเวณที่น้ำลดลงแล้วเกษตรควรปรับปรุงระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนัก
  • ปาล์มน้ำมัน ระยะนี้ยังมีฝนตกต่อเนื่อง เกษตรกรควรระวังการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคยอดเน่า ทะลายเน่า และรากเน่า ชาวสวนควรหมั่นสำรวจหากพบควรรีบกำจัดก่อนระบาดเป็นบริเวณกว้าง
  • สัตว์เลี้ยง ฝนตกต่อเนื่องกับมีน้ำท่วมขัง เกษตรกรควรป้องกันการเจ็บป่วยของสัตว์ โดยเฉพาะโรคคอบวม และโรคปากเท้าเปื่อยในโคและกระบือ รวมทั้งควรหมั่นสังเกต หากพบสัตว์ป่วยควรแยกออกจากกลุ่ม และรีบรักษา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ