เอแบคโพลล์: ความสุขประเทศไทยกับความสำนึกรู้คุณแผ่นดิน ประจำเดือนพฤศจิกายน 2555

ข่าวผลสำรวจ Monday December 3, 2012 07:34 —เอแบคโพลล์

เนื่องจากความสุขของประชาชนในแต่ละสังคมขึ้นอยู่กับปัจจัยที่แตกต่างกัน ความสุขของประชาชนบางประเทศขึ้นอยู่กับวัตถุนิยมความเจริญ
รุ่งเรืองทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ในขณะที่ความสุขของประชาชนในบางประเทศขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมจารีตประเพณีอันดีงามเป็นสำคัญ สำหรับสิ่งที่ทำให้
ประชาชนคนไทยมีความสุขมีเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศไทยอยู่หลายประการ

ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จึงได้ทำการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสุขประเทศไทยกับ ความสำนึกรู้คุณแผ่นดิน ประจำเดือนพฤศจิกายน 2555 กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนในพื้นที่ 18 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ราชบุรี อยุธยา สุพรรณบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ แพร่ นครสวรรค์ ขอนแก่น หนองคาย มหาสารคาม สุรินทร์ อุดรธานี อุบลราชธานี นครราชสีมา นครศรีธรรมราช และยะลา จำนวนทั้งสิ้น 3,169 ตัวอย่าง โดยดำเนินการสำรวจในระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน — 1 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น ที่สุ่มเลือกเขต/อำเภอ ตำบล ชุมชน ครัวเรือน และประชาชนที่ตอบแบบสอบถามระดับครัว เรือน โดยมีความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 7

จากการวัดความสุขมวลรวมของประชาชนคนไทยภายในประเทศประจำเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เมื่อคะแนนเต็ม 10 คะแนน พบว่า ความสุขมวลรวมของคนไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 5.79 คะแนนในเดือนกันยายน มาอยู่ที่ 7.40 และ 7.53 คะแนนในการสำรวจครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นระดับความสุขที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และมีค่าความสุขเกินกว่าครึ่งในทุกตัวชี้วัด โดยค่าสูงสุดอยู่ที่การเห็นความเป็นหนึ่งเดียวกัน ของคนในชาติแสดงความจงรักภักดีอยู่ที่ 9.17 คะแนน รองลงมาคือ บรรยากาศความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวอยู่ที่ 7.72 และสุขภาพใจอยู่ที่ 7.58

นอกจากนี้ ความสุขของประชาชนคนไทยเพิ่มสูงขึ้นจากเดือนตุลาคมเกือบทุกตัวชี้วัดที่น่าสนใจคือ ภาพลักษณ์ของประเทศไทย คนไทย เด็ก ไทยในสายตาต่างชาติที่เพิ่มขึ้นจาก 6.03 คะแนนมาอยู่ที่ 6.51คะแนน เป็นผลมาจากการมาเยือนประเทศไทยของบารัค โอบามา ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา นายเหวิน เจีย เป่า นายกรัฐมนตรีของประเทศจีน การชุมนุมทางการเมืองที่ไม่ลุกลามรุนแรงบานปลาย และภาพลักษณ์ดั้งเดิมของ ประเทศไทยที่ดีอยู่แล้วในสายตาของชาวต่างชาติในเรื่อง การดูแลความปลอดภัย การเก็บทรัพย์สินได้แล้วส่งคืนชาวต่างชาติ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่รัฐบางพื้นที่ต่อปัญหาอาชญากรรมและการไม่มีน้ำใจของคนไทยบางคนต่อชาวต่างชาติยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อภาพ ลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย

ยิ่งไปกว่านั้น ความสุขของประชาชนต่อตัวชี้วัดทั้งเศรษฐกิจระดับครัวเรือนและเศรษฐกิจระดับประเทศเริ่มเพิ่มสูงขึ้นจาก 5.98 มาอยู่ที่ 6.21 และจาก 5.73 มาอยู่ที่ 5.94 ตามลำดับ เป็นผลมาจากโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดีของประเทศไทยและนโยบายสาธารณะของรัฐบาล ในเรื่องการเพิ่มรายได้ที่กลายเป็นความหวังทางจิตวิทยาและกระตุ้นพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน เช่น นโยบายค่าแรง 300 บาท นโยบายเงินเดือน 15,000 บาท รถยนต์คันแรก บ้านหลังแรก และนโยบายจำนำข้าว เป็นต้น ในขณะที่นโยบายเดิมของรัฐบาลที่เคยทำมาในการส่ง เสริมอาชีพระดับตำบล เช่น สินค้าโอท็อป เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาค่าครองชีพ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและการไม่รู้จักกินไม่รู้จักใช้อย่าง ประหยัดของประชาชนเองยังคงเป็นตัวบั่นทอนความสุขของคนไทย

ดร.นพดล กล่าวว่า ที่น่าเป็นห่วงคือ ความสุขที่ลดลงของประชาชน ได้แก่ ความสุขต่อบรรยากาศความสัมพันธ์ของคนในชุมชนลดลงจาก 7.03 มาอยู่ที่ 6.52 ความสุขต่อคุณภาพนักการเมืองและจริยธรรมของนักการเมืองลดลงจาก 5.24 มาอยู่ที่ 5.05 และความสุขต่อสถานการณ์ทาง การเมืองโดยรวมลดลงจาก 5.17 มาอยู่ที่ 5.04 ตามลำดับ เป็นผลมาจากความขัดแย้งทางการเมือง ความแตกต่างทางความคิดทางการเมืองที่ชาว บ้านเล็งเห็นว่าอาจนำไปสู่ความรุนแรงบานปลาย และปัญหาคุณธรรมจริยธรรมทางการเมืองของนักการเมืองเป็นสำคัญ

นอกจากนี้ ตัวชี้วัดอีกประการหนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ความสุขต่อคุณภาพโรงเรียนใกล้บ้านของผู้ตอบแบบสอบถามลดลงจาก 6.64 มาอยู่ที่ 6.23 เป็นผลมาจากปัญหาพื้นฐานที่สะสมมาเป็นเวลาช้านานในระบบการศึกษาไทยในหลายมิติ เช่น คุณภาพการบริหารจัดการด้านการศึกษา ปัญหาการ กีดกันหรือการปิดกั้นโอกาสของเด็กและเยาวชนที่อยู่ใกล้โรงเรียนที่มีคุณภาพแต่ไม่มีโอกาสเข้าเรียน ปัญหาการเลือกปฏิบัติในชั้นเรียน ปัญหาคุณภาพการ เรียนการสอน ปัญหาการใช้ความรุนแรงของทั้งครูและนักเรียน และคุณธรรมจริยธรรมของคุณครูที่มีไม่มากเพียงพอในการเป็นแบบอย่างที่ดีต่อเด็กนัก เรียน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจคือ ประชาชนทุกหมู่เหล่า ทั้งกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาล กลุ่มคนที่ไม่สนับสนุนรัฐบาล และกลุ่มพลังเงียบ ต่างก็มี ความสุขที่เห็นคนไทยเป็นหนึ่งเดียวกันในการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ คือ 9.16 คะแนนในกลุ่มคนที่สนับสนุน รัฐบาล 9.15 คะแนนในกลุ่มคนที่ไม่สนับสนุนรัฐบาล และ 9.18 คะแนนในกลุ่มพลังเงียบ ตามลำดับ และเมื่อศึกษาเจาะลึกกลุ่มประชาชนที่ถูกศึกษาพบ ว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ว่าสีใดก็ตามสามารถแยกแยะความจงรักภักดีออกได้จากอุดมการณ์ทางการเมือง และต้องการให้การเมืองเป็นเรื่องของการ เมือง ส่วนความจงรักภักดีเป็นสิ่งที่ “คนไทย” ทุกคนตระหนักดี จึงอย่าดึงสถาบันหลักของชาติลงมาสู่ความขัดแย้งในหมู่ประชาชน

ผลสำรวจยังค้นพบ 5 อันดับแรกของรูปแบบสำนึกรู้คุณแผ่นดินที่ประชาชนตั้งใจจะทำเพื่อในหลวง (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) พบว่า ร้อย ละ 94.8 ตั้งใจจะแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ร้อยละ 90.5 ตั้งใจจะประหยัด ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ร้อย ละ 77.8 ตั้งใจจะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีไมตรีจิตต่อกัน ร้อยละ 68.9 ตั้งใจจะทำหน้าที่พลเมืองที่ดี และร้อยละ 65.3 ตั้งใจจะสำนึกถึงความเสีย สละเลือดเนื้อของบรรพบุรุษเพื่อประเทศชาติ

นอกจากนี้ เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างถึงเดือนแห่งความสุขที่ประชาชนรอคอย พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 41.3 ระบุเดือนธันวาคมหรือ ธันวามหาราช รองลงมาหรือร้อยละ 20.4 ระบุเดือนมกราคม ร้อยละ 19.1 ระบุเดือนเมษายน ร้อยละ 10.6 ระบุเดือนกุมภาพันธ์ และร้อยละ 8.6 ระบุเดือนอื่นๆ อาทิ เดือนสิงหาคม ตุลาคม และพฤษภาคม เป็นต้น

ผอ.ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน กล่าวว่า คนไทยกำลังเข้าสู่โหมดแห่งความสุขที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นไปตลอด เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองความสุขประเทศไทยในเดือนธันวามหาราชและปีใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของประชาชนคนไทยภายในประเทศจนกล่าวได้ว่า นี่คือ DNA ของความเป็นไทยที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ความกตัญญูต่อแผ่นดินที่ต้องช่วยกันปกปักษ์รักษาไม่ยอมให้ ใครมาดัดแปลงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยได้

“จากการวิจัยที่ผ่านมาอาจกล่าวได้ว่า สังคมไทยและประชาชนแต่ละคนจะอยู่รอดได้อย่างมีความสุขทุกสถานการณ์ ถ้าทุกคนสำนึกกตัญญูรู้ คุณแผ่นดินทำตามหน้าที่พลเมืองที่ดี ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง ลดอคติที่มีต่อกัน และตระหนักว่าผลประโยชน์ของแต่ละคนเป็นเรื่องสำคัญ แต่ ที่สำคัญกว่าคือ “ประเทศชาติต้องมาก่อนชุมชนหรือองค์กรของตนและผลประโยชน์ส่วนตัว” ดังนั้น การมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของทุกคนในชาติให้เป็นหนึ่ง เดียวกัน ด้วยความรักความสามัคคี มีไมตรีจิตต่อกัน และยอมรับว่าทุกคนมีความผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้นเพื่อจะได้ช่วยกันแก้ไขความผิดพลาดบนพื้นฐานของ ความถูกต้องตามหลักธรรม หลักกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อ “ไม่” ให้คนอื่นๆ ทำผิดตามกันอย่างกว้างขวาง ผลที่ตามมา ก็คือ ความสุขประเทศไทยจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมั่นคงยั่งยืน” ดร.นพดล กรรณิกา กล่าว

จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 47.4 เป็นชาย ร้อยละ 52.6 เป็นหญิง ตัวอย่างร้อยละ 5.7 อายุ น้อยกว่า 20 ปี ร้อยละ 21.4 อายุระหว่าง 20—29 ปี ร้อยละ 20.8 อายุระหว่าง 30—39 ปี ร้อยละ 22.1 อายุระหว่าง 40—49 ปี และร้อยละ 30.0 อายุ 50 ปีขึ้นไป ตัวอย่างร้อยละ 68.3 สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 31.7 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป ตัวอย่างร้อย ละ 32.9 ระบุอาชีพเกษตรกร/รับจ้างใช้แรงงานทั่วไป ร้อยละ 24.8 ระบุค้าขายธุรกิจส่วนตัว 12.0 ระบุอาชีพพนักงานบริษัท ร้อยละ 11.4 ระบุ อาชีพข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 8.9 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 6.4 ระบุเป็นแม่บ้าน พ่อบ้าน เกษียณอายุ ร้อยละ 3.6 ระบุว่างงาน ไม่ได้ประกอบอาชีพ

ตารางที่ 1 แสดงแนวโน้มค่าคะแนนเฉลี่ยความสุขมวลรวมของคนไทยตั้งแต่ เดือนมกราคม 2553 จนถึงปัจจุบัน เมื่อคะแนนเต็ม 10

ม.ค.53 ก.ย.53 พ.ย.53 ธ.ค.53 ม.ค.54 ก.ค.54 ม.ค.55 มี.ค.55 ก.ย.55 ต.ค.55 พ.ย.55

    ค่าคะแนนเฉลี่ย      6.52     6.57     5.42     8.37     5.28     7.55     6.66     6.18     5.79    7.40    7.53
ความสุขมวลรวมของ
คนไทย

หมายเหตุ จากฐานข้อมูลรายงานความสุขมวลรวมของคนไทย โดยศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ

ตารางที่ 2 แสดงค่าเฉลี่ยของค่าดัชนีความสุขมวลรวมของประชาชนในด้านต่างๆ จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน
   ลำดับที่                             กลุ่มปัจจัยต่างๆ                  ค่าเฉลี่ยความสุข   ค่าเฉลี่ยความสุข          +/-
                                                                    ต.ค.2555       พ.ย.2555         เพิ่ม /ลด
  1   ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคนในชาติแสดงความจงรักภักดี                        9.1              9.2              +
  2   บรรยากาศความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว                                  7.7              7.7              +
  3   สุขภาพใจ                                                          7.5              7.6              +
  4   สุขภาพกาย                                                         7.4              7.4              +
  5   หน้าที่การงาน การประกอบอาชีพ ที่ทำอยู่ในปัจจุบัน                              7              7.2              +
  6   วัฒนธรรมประเพณีไทยในปัจจุบัน                                          6.8              7.1              +
  7   การเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ที่ดีที่ท่านได้รับ                               7                7              +
  8   สภาพแวดล้อมที่พักอาศัย เช่น ถนน ไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์                    6.9              6.9              +
  9   บรรยากาศความสัมพันธ์ของคนในชุมชน                                       7              6.5              -
  10  ภาพลักษณ์ของประเทศไทย คนไทย เด็กไทย ในสายตาต่างชาติ                     6              6.5              +
  11  เมื่อพิจารณาคุณภาพโรงเรียนใกล้บ้านท่าน                                   6.6              6.2              -
  12  เมื่อนึกถึงฐานะทางการเงิน เรื่องค่าครองชีพของคนในครอบครัว                    6              6.2              +
  13  เมื่อนึกถึงสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวม                             5.7              5.9              +
  14  ความเป็นธรรมในสังคม                                                5.8              5.8              +
  15  เมื่อนึกถึงคุณภาพนักการเมืองไทย จริยธรรมของนักการเมือง                     5.2              5.1              -
  16  สถานการณ์การเมืองโดยภาพรวม                                         5.2                5              -


ตารางที่ 3 แสดงค่าเฉลี่ยนความสุขที่เห็นคนไทยแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
จำแนกตามกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาล \ไม่สนับสนุนรัฐบาล และกลุ่มพลังเงียบ
ความสุขที่เห็นคนไทยแสดงความจงรักภักดี              สนับสนุนรัฐบาล     ไม่สนับสนุนรัฐบาล    พลังเงียบ
ค่าเฉลี่ยความสุขที่เห็นคนไทยจงรักภักดี                    9.16             9.15          9.18

ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่าง 5 อันดับแรก ของรูปแบบสำนึกรู้คุณแผ่นดินที่ตั้งใจจะทำเพื่อในหลวง (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่          รูปแบบกสำนึกรู้คุณแผ่นดินที่ตั้งใจจะทำเพื่อในหลวง                    ค่าร้อยละ
1          แสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์               94.8
2          ประหยัด ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง                                    90.5
3          ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีไมตรีจิตต่อกัน                                   77.8
4          ทำหน้าที่พลเมืองที่ดี                                               68.9
5          สำนึกถึงความเสียสละเลือดเนื้อของบรรพบุรุษเพื่อประเทศชาติ                65.3

ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุเดือนแห่งความสุขที่รอคอยของประชาชน (ตอบได้เพียงข้อเดียว
ลำดับที่          เดือนแห่งความสุข                         ค่าร้อยละ
1          เดือนธันวาคมหรือธันวามหาราช                    41.3
2          เดือนมกราคม                                 20.4
3          เดือนเมษายน                                 19.1
4          เดือนกุมภาพันธ์                                10.6
5          อื่นๆ อาทิ เดือนสิงหาคม ตุลาคม พฤษภาคม เป็นต้น      8.6

--เอแบคโพลล์--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ