‘กรมเจรจาฯ’ แจ้งข่าวดี อินโดนีเซียพร้อมใช้ความตกลง RCEP 2 ม.ค.นี้ ช่วยผู้ประกอบการไทยเพิ่มโอกาสทางการผลิต-การค้า-บริการ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 14, 2022 15:19 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ แจ้งข่าวดี อินโดนีเซียยื่นสัตยาบันความตกลง RCEP แล้ว เตรียมมีผลใช้บังคับ 2 ม.ค.นี้ ชี้! เปิดตลาดเพิ่มเติมจากเดิม ทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม อาทิ เนื้อสัตว์ นม อาหารแปรรูป เครื่องนุ่งห่ม เหล็ก มั่นใจ! ช่วยผู้ประกอบการไทยเพิ่มโอกาสเลือกใช้วัตถุดิบทางการผลิต อำนวยความสะดวกทางการค้า การบริการ และกระจายสินค้าในภูมิภาค

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา อินโดนีเซียได้ยื่นสัตยาบันสารความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนเรียบร้อยแล้ว ทำให้ความตกลง RCEP จะพร้อมใช้บังคับกับอินโดนีเซีย ในวันที่ 2 มกราคมนี้ ซึ่งนับเป็นประเทศที่ 14 ต่อจากบรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา สปป.ลาว สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เมียนมา เกาหลีใต้ และมาเลเซีย

นางอรมน กล่าวว่า แม้อินโดนีเซียจะยกเว้นการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าส่งออกจากไทย เกือบทุกรายการสินค้าแล้ว (99%) ภายใต้ความตกลง FTA ระหว่างอาเซียน 10 ประเทศ แต่ภายใต้ความตกลง RCEP อินโดนีเซียได้ยกเว้นภาษีเพิ่มเติมกว่าที่เปิดตลาดภายใต้ความตกลงที่อาเซียนกับคู่ค้าสำคัญ อาทิ อาเซียน-จีน อาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียน-เกาหลี และอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ทั้งกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม อาทิ เนื้อสัตว์ นม สินค้าประมง อาหารแปรรูป เครื่องนุ่งห่ม เหล็ก เครื่องจักรกล เครื่องปรับอากาศ และเครื่องจักรกลการเกษตร ดังนั้น ถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะสามารถเลือกใช้วัตถุดิบจากอินโดนีเซีย ผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปยังตลาด RCEP โดยใช้เงื่อนไขการสะสมถิ่นกำเนิดสินค้าของ RCEP และไทยสามารถนำวัตถุดิบจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ มาใช้ในกระบวนการผลิตสินค้า เพื่อส่งไปอินโดนีเซีย โดยใช้ประโยชน์จากการลดและยกเว้นภาษีภายใต้ RCEP

?ความตกลง RCEP เป็นความตกลงฉบับแรกของอาเซียนที่มีการจัดทำกฎถิ่นกำเนิดสินค้าทุกรายการสินค้า ทำให้กฎมีความชัดเจน สะท้อนกระบวนการผลิตสินค้าที่แท้จริง และยืดหยุ่นมากขึ้นกว่ากฎถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลง FTA ที่ผ่านมาของอาเซียน จึงจะช่วยสนับสนุนให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยความสะดวกในการทำการค้าของผู้ประกอบการ และเพิ่มโอกาสที่จะขยายเครือข่ายการผลิตและการกระจายสินค้าภายในภูมิภาค ตลอดจนเชื่อมโยงสินค้าและบริการของไทยเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่าในภูมิภาคและโลกได้มากขึ้น จึงทำให้ความตกลง RCEP เป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกและภูมิภาคหลังโควิด-19? นางอรมน เสริม

ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 3 ของไทยในอาเซียน และเป็นอันดับที่ 7 ของไทยในโลก โดยในช่วง 9 เดือน (ม.ค. ? ก.ย. 2565) การค้าระหว่างไทยและอินโดนีเซีย มีมูลค่า 15,790 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 3.45% ของการค้ารวมของไทยกับโลก โดยไทยส่งออกไปอินโดนีเซีย มูลค่า 8,225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำตาลทราย เม็ดพลาสติก เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ และไทยนำเข้าจากอินโดนีเซีย มูลค่า 7,565 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าที่สำคัญ อาทิ ถ่านหิน น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และสินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์

11 พฤศจิกายน 2565

ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ