นักเศรษฐศาสตร์ 48.7% ไม่ค่อยเชื่อมั่นในความรู้ความสามารถของทีมเศรษฐกิจ ครม. ยิ่งลักษณ์
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ(กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานด้านการวิเคราะห์ วิจัยเศรษฐกิจระดับชั้นนำของประเทศ 30 แห่ง จำนวน 78 คน เรื่อง “ความเชื่อมั่นของนักเศรษฐศาสตร์ที่มีต่อทีมเศรษฐกิจ ครม. ยิ่งลักษณ์” โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 11-18 ส.ค. ที่ผ่านมา พบว่า
นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 48.7 ไม่ค่อยเชื่อมั่นในความรู้ความสามารถของทีมเศรษฐกิจ ครม. ยิ่งลักษณ์ รองลงมาร้อยละ 28.2 มีความเชื่อมั่นค่อนข้างมาก ส่วนความเชื่อมั่นต่อการบริหารเศรษฐกิจ หรือ GDP ให้ขยายตัวไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ต่อปี ตามที่หาเสียงไว้ ร้อยละ 44.9 เชื่อว่า “สามารถทำได้” ขณะที่ร้อยละ 24.4 เชื่อว่า “ไม่สามารถทำได้” ส่วน ความเชื่อมั่นต่อการบริหารจัดการราคาสินค้า หรือ ภาวะเงินเฟ้อ ไม่ให้สูงกว่าร้อยละ 5 ต่อปีนั้น ร้อยละ 43.6 เชื่อว่า “ไม่สามารถบริหารจัดการได้” ขณะที่ร้อยละ 35.9 เชื่อว่า “สามารถบริหารจัดการได้”
สำหรับความเห็นต่อประเด็นการกำหนดกรอบนโยบายงบประมาณให้กลับสู่งบสมดุลภายใน ปี 2555 ตามที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้หารือไว้กับสภาพัฒน์ฯ นั้น นักเศรษฐศาสตร์มากกว่าครึ่ง (ร้อยละ 57.7) เห็นว่า รัฐบาลชุดใหม่ควรกำหนดกรอบนโยบายงบประมาณให้กลับสู่งบสมดุลภายใน ปี 2555 ตามกรอบเดิม ด้านความเห็นต่อประเด็นที่ว่า ปัญหาหนี้สาธารณะที่กำลังบั่นทอนเศรษฐกิจของประเทศแถบตะวันตกในเวลานี้ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเหมือนเมื่อครั้งเกิด Hamburger Crisis ในช่วงปลายปี 2551 อย่างไรนักเศรษฐศาสตร์กว่าครึ่งเช่นกัน (ร้อยละ 61.5) เห็นว่าผลกระทบรอบนี้จะรุนแรงน้อยกว่ารอบที่ผ่านมา เมื่อถามถึงระยะเวลาที่เศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาและกลุ่มยูโรโซน จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ร้อยละ 43.6 เชื่อว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 4-5 ปี รองลงมาร้อยละ 30.8 เชื่อว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 5-10 ปี
ด้านข้อเสนอที่นักเศรษฐศาสตร์ต้องการบอกทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ในการบริหารเศรษฐกิจ การเงิน การคลังของประเทศ รวมถึงการแถลงนโยบายด้านเศรษฐกิจต่อรัฐสภา คือ (1) ให้บริหารเศรษฐกิจด้วยความรอบคอบ คำนึงถึงผลกระทบอย่างรอบด้าน ดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจน วิเคราะห์สถานการณ์ให้แจ่มชัด และไม่มีการคอร์รัปชันรวมถึงการหวังผลทางการเมือง (ร้อยละ 33.3) (2) ให้รักษาวินัยทางการเงินการคลังอย่างยิ่งยวด บริหารหนี้สาธารณะอย่างเคร่งครัด โดยดูบทเรียนจากสิ่งที่ประเทศตะวันตกกำลังประสบอยู่ (ร้อยละ 28.9) (3) ให้รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจระยะยาว ป้องกันไม่ให้เกิดเงินเฟ้อซึ่งจะสร้างความลำเค็ญให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ จากนโยบายของรัฐบาลเลย (ร้อยละ 22.2)
(โปรดพิจารณารายละเอียดของผลสำรวจดังต่อไปนี้)
รายละเอียดในการสำรวจ
1. เพื่อสะท้อนความเห็นในประเด็นด้านเศรษฐกิจจากผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจโดยตรงไปยังสาธารณชนโดยผ่านช่องทางสื่อมวลชน
2. เพื่อเสนอแนะต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมการและวางแผนงานเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทย
เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในสาขาเศรษฐศาสตร์ (กรณีสำเร็จการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์เฉพาะปริญญาตรี หรือปริญญาโท หรือปริญญาเอก อย่างใดอย่างหนึ่ง จะต้องมีประสบการณ์ในการทำงานด้านวิเคราะห์/วิจัย/หรืองานที่เกี่ยวข้องที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถด้านเศรษฐศาสตร์อย่างน้อย 5 ปี) ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานด้านการวิเคราะห์ วิจัยเศรษฐกิจระดับชั้นนำของประเทศ จำนวน 30 แห่ง ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(TDRI) มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย บริษัททริสเรทติ้ง ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย บริษัทหลักทรัพย์ภัทร บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ บริษัทหลักทรัพย์เอเชียพลัส บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน บริษัทหลักทรัพย์ไอร่า บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซียไซรัส คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยทักษิณ สำนักวิชาการจัดการมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร สำนักวิชาเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์และนักวิจัยประจำศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
รวบรวมข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามออนไลน์ไปยังนักเศรษฐศาสตร์ในหน่วยงานที่กำหนดภายในระยะเวลาที่กำหนด
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 11-18 สิงหาคม 2554 วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 19 สิงหาคม 2554ข้อมูลรายละเอียดของกลุ่มตัวอย่าง
จำนวน ร้อยละ ประเภทของหน่วยงานที่กลุ่มตัวอย่างทำงานอยู่ หน่วยงานภาครัฐ 32 41.0 หน่วยงานภาคเอกชน 27 34.6 สถาบันการศึกษา 19 24.4 รวม 78 100.0 เพศ ชาย 39 50.0 หญิง 39 50.0 รวม 78 100.0 อายุ 26 ปี — 35 ปี 33 42.3 36 ปี — 45 ปี 20 25.6 46 ปีขึ้นไป 25 32.1 รวม 78 100.0 การศึกษา ปริญญาตรี 3 3.8 ปริญญาโท 60 77.0 ปริญญาเอก 15 19.2 รวม 78 100.0 ประสบการณ์ทำงานรวม 1-5 ปี 17 21.8 6-10 ปี 27 34.6 11-15 ปี 7 9.0 16-20 ปี 7 9.0 ตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป 20 25.6 รวม 78 100.0--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--