ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 29 แห่ง จำนวน 66 คน เรื่อง "ข้อเสนอของสภาฯ ท่องเที่ยวที่เสนอให้ ลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว 20,000 บาทต่อปี" โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 15 – 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา พบว่า
นักเศรษฐศาสตร์มีความคิดเห็นต่อข้อเสนอของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ที่เสนอให้ นำค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว (ค่าโรงแรมที่พัก/ค่าใช้บริการบริษัทนำเที่ยว) มาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในวงเงินรวมไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยมีนักเศรษฐศาสตร์ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเป็นสัดส่วนเท่ากัน คือเท่ากับร้อยละ 45.5
โดยกลุ่มที่เห็นด้วยได้ให้เหตุผลสนับสนุนที่สำคัญว่าจะเป็นการช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ส่งเสริมให้คนหันมาท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้นแทนการท่องเที่ยวต่างประเทศ
ส่วนกลุ่มที่ไม่สนับสนุนให้เหตุผลที่สำคัญว่า ผู้ได้ประโยชน์ที่สำคัญคือผู้ที่มีรายได้สูงอยู่แล้วและธุรกิจบางกลุ่ม ไม่ได้ช่วยคนรายได้น้อย
เมื่อถามต่อว่าข้อเสนอลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว 20,000 บาทต่อปี ควรเป็นมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในระยะสั้น หรือควรเป็นมาตรการระยะยาว ร้อยละ 45.5 เห็นว่าควรเป็นมาตรการระยะสั้น และในจำนวนนี้ร้อยละ 28.8 เห็นว่าไม่ควรเกิน 1 ปี
(โปรดพิจารณารายละเอียดผลสำรวจตามประเด็นข้อคำถามดังต่อไปนี้)
หมายเหตุ: รายงานผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ฉบับนี้ เป็นการสำรวจความเห็นส่วนตัวของ นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งมิได้สื่อถึงแนวนโยบายขององค์กรที่นักเศรษฐศาสตร์สังกัดอยู่แต่อย่างใด(1) เป็นการช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ส่งเสริมให้คนหันมาท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้นแทนการท่องเที่ยวต่างประเทศ
(2) ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม เพิ่มการจับจ่าย สร้างงานสร้างอาชีพ
(3) พลักดันให้ผู้ประกอบการมีการจดทะเบียนเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้น และช่วยพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยว
(1) ผู้ได้ประโยชน์ที่สำคัญคือผู้ที่มีรายได้สูงอยู่แล้ว และธุรกิจบางกลุ่ม ไม่ได้ช่วยคน รายได้น้อย
(2) การท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีอยู่แล้ว อีกทั้งการมีวันหยุดเยอะก็ช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง ดังนั้นจึงควรนำเงินงบประมาณไปพัฒนาด้านอื่นดีกว่า เช่น ช่วยเหลือ sector ที่มีปัญหาหรือนำไปลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานน่าจะเหมาะสมกว่า
(3) การท่องเที่ยวไม่ใช่ความจำเป็นพื้นฐาน นักท่องเที่ยวมีความเต็มใจจ่ายอยู่แล้ว
(4) อื่นๆ คือ ตรวจสอบยาก/เป็นภาระงบประมาณ/ยกเลิกกฏอัยการศึกน่าจะดีกว่า/นำงบประมาณไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวน่าจะเหมาะสมกว่า
ร้อยละ 9.0 ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ/ไม่ทราบ
ร้อยละ 3.0 ไม่ควรเกิน 3 เดือน
ร้อยละ 9.1 ไม่ควรเกิน 6 เดือน
ร้อยละ 28.8 ไม่ควรเกิน 1 ปี
ร้อยละ 4.6 อื่นๆ ไม่ควรเกิน 2-5 ปี ร้อยละ 16.7 ควรเป็นมาตรการระยะยาว ร้อยละ 34.8 ไม่สนับสนุนมาตรการดังกล่าว ร้อยละ 3.0 ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ/ไม่ทราบ
รายละเอียดในการสำรวจ
เพื่อสะท้อนความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ว่าเห็นด้วยหรือไม่ต่อ "ข้อเสนอของสภาฯ ท่องเที่ยวที่เสนอให้ ลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว 20,000 บาทต่อปี" รวมถึงระยะเวลาที่เหมาะสมในการใช้มาตรการดังกล่าว เพื่อข้อมูลการสำรวจจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง
เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในสาขาเศรษฐศาสตร์ (กรณีสำเร็จการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์เฉพาะปริญญาตรี หรือปริญญาโท หรือปริญญาเอก อย่างใดอย่างหนึ่ง จะต้องมีประสบการณ์ในการทำงานด้านวิเคราะห์/วิจัย/หรืองานที่เกี่ยวข้องที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถด้านเศรษฐศาสตร์อย่างน้อย 5 ปีจนถึงปัจจุบัน) ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานด้านการวิเคราะห์ วิจัยเศรษฐกิจระดับชั้นนำของประเทศ จำนวน 29 แห่ง ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(TDRI) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารธนชาต ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารทหารไทย บริษัทหลักทรัพย์เอเชียพลัส บริษัทหลักทรัพย์ภัทร บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย บริษัททิพยประกันชีวิต คณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยทักษิณ คณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร สำนักวิชาเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ คณะวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยขอนแก่น และคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
การสำรวจนี้เป็นการวิจัยโดยการเลือกตัวอย่างประชากรโดยไม่อาศัยหลักความน่าจะเป็น (Non-probability sampling) แต่ละหน่วยตัวอย่างที่จะได้รับการเลือก จึงเป็นการเลือกตัวอย่างประชากรแบบเจาะจง (Purposive sampling) และดำเนินการรวบรวมข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามออนไลน์ไปยังนักเศรษฐศาสตร์ในหน่วยงานที่กำหนดภายในระยะเวลาที่กำหนด
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 15 – 25 สิงหาคม 2557 วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 2 กันยายน 2557ข้อมูลรายละเอียดของกลุ่มตัวอย่าง
จำนวน ร้อยละ ประเภทของหน่วยงานที่กลุ่มตัวอย่างทำงานอยู่
หน่วยงานภาครัฐ 33 50 หน่วยงานภาคเอกชน 21 31.8 สถาบันการศึกษา 12 18.2 รวม 66 100 เพศ ชาย 41 62.1 หญิง 25 37.9 รวม 66 100 อายุ 18 ปี – 25 ปี 1 1.5 26 ปี – 35 ปี 14 21.2 36 ปี – 45 ปี 27 40.9 46 ปีขึ้นไป 23 34.9 ไม่ระบุ 1 1.5 รวม 66 100 การศึกษา ปริญญาตรี 3 4.5 ปริญญาโท 46 69.7 ปริญญาเอก 17 25.8 รวม 66 100 ประสบการณ์ทำงานรวม 1-5 ปี 5 7.5 6-10 ปี 20 30.3 11-15 ปี 11 16.7 16-20 ปี 11 16.7 ตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป 18 27.3 ไม่ระบุ 1 1.5 รวม 66 100--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--