นักเศรษฐศาสตร์ ระบุ ปัญหาการเมือง ภาษาอังกฤษ และระบบราชการไทย เป็นปัจจัยที่ขัดขวางความร่วมมือในอาเซียน เสนอแนะให้ไทยเร่งขยายการลงทุนโดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV รวมถึงการเป็น Hub of ASEAN logistics พร้อมเรียกร้องให้อาเซียนมีเอกภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในเวทีโลก และควรเร่งขยายโครงข่ายการคมนาคมระหว่างกัน
กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 30 แห่ง จำนวน 64 คน เรื่อง “บทบาทของไทยในอาเซียน: การร่วมมือและความมั่งคั่ง” โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 7-13 มกราคม ที่ผ่านมา ผลสำรวจมีดังนี้
นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ร้อยละ 73.4 เห็นว่าปัจจุบันประเทศไทยมีบทบาทค่อนข้างมากในภูมิภาคอาเซียน โดยร้อยละ 43.8 เห็นว่าไทยมีบทบาทเพิ่มขึ้นในอาเซียนเมื่อเปรียบเทียบกับอดีต ขณะที่ร้อยละ 29.7 เห็นว่าไทยมีบทบาทน้อยลงในอาเซียน
เมื่อถามว่าปัจจุบันมีอะไรบ้างในระบบของไทยที่ขัดขวางความร่วมมือในอาเซียน นักเศรษฐศาสตร์ยังมองว่าเป็นปัญหาการเมือง ความขัดแย้งทางความคิดของคนในประเทศ(ร้อยละ 29.1) รองลงมาเป็นการสื่อสารภาษาอังกฤษของคนไทย (ร้อยละ 19.6) ถัดมาเป็นระบบราชการที่ขาดประสิทธิภาพ กฎหมายล้าหลังหรือไม่เอื้อต่อความร่วมมือ (ร้อยละ 19.4) ส่วนอุปสรรคสำคัญในการทำให้ประชาคมอาเซียนเป็นประชาคมที่สมบูรณ์แบบคือ ความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันในหมู่ประเทศสมาชิก การมองประเทศเพื่อนบ้านเป็นคู่แข่ง(ร้อยละ 32.2) รองลงมาเป็นความขาดเอกภาพของอาเซียนในเวทีโลก(ร้อยละ 22.4) และความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่ร่ำรวยกับประเทศที่ยากจน (ร้อยละ 20.0)
ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 19.3 เห็นว่าอาเซียนควรจะร่วมมือกันในด้านขยายโครงข่ายการคมนาคมระหว่างกันให้ครอบคลุมโดยเร็วที่สุด รองลงมาร้อยละ 19.0 เห็นว่าควรขยายปริมาณการค้าในหมู่ประเทศสมาชิก และร้อยละ 17.0 เห็นว่าควรเพิ่มบทบาทและสร้างเอกภาพของอาเซียนในเวทีโลก
นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ยังเสนอแนะว่า ประเทศไทยควรเร่งขยายการลงทุนโดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV รวมถึงเร่งขยายการค้า ขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆ ในอาเซียน โดยใช้ประโยชน์จากที่ตั้งของประเทศไทยที่อยู่ศูนย์กลางของอาเซียน เพื่อให้เป็น Hub of ASEAN logistics
ในส่วนของปัจจัยสำคัญที่นักเศรษฐศาสตร์เห็นว่าจะช่วยขับเคลื่อนอาเซียนให้เป็นประชาคมที่สมบูรณ์แบบตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้ มีดังนี้
อันดับ 1 สร้างความเป็นเอกภาพของประเทศสมาชิก มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน มีการไว้ใจซึ่งกันและกันรวมถึงการมีจุดยืนร่วมกันในเวทีโลก
อันดับ 2 ลดความแตกต่างทางเศรษฐกิจในหมู่ประเทศสมาชิก มีการช่วยเหลือกันด้านเศรษฐกิจ
อันดับ 3 สร้างโครงข่ายคมนาคมที่เชื่อมโยงกัน ใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน และมีการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันให้มากขึ้น
(โปรดพิจารณารายละเอียดของผลสำรวจดังต่อไปนี้)
ของคนไทยและภาคเอกชนไทย ความไม่รู้/ ไม่เข้าใจข้อตกลงอาเซียน สิทธิที่ควรได้รับ
ร้อยละ 32.2 ความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันในหมู่ประเทศสมาชิก การมองประเทศเพื่อนบ้านเป็นคู่แข่ง
ร้อยละ 22.4 ความขาดเอกภาพของอาเซียนในเวทีโลก
ร้อยละ 20.0 ความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่ร่ำรวยกับประเทศที่ยากจน
ร้อยละ 9.2 ความแตกต่างด้านภาษาที่เป็นอุปสรรคต่อการสื่อสารระหว่างกัน ร้อยละ 7.3 ความขัดแย้งเรื่องพรมแดนในหมู่ประเทศสมาชิก ร้อยละ 7.3 ความแตกต่างด้านการเมืองการปกครอง ร้อยละ 1.6 อื่นๆ ได้แก่ มาตรการที่มิใช้ภาษี/ กฎระเบียบที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงบ่อย ความไม่เข้าใจและไม่เห็นความสำคัญในการรวมกันขาดความร่วมมือ รวมถึงองค์กรที่ประสานความร่วมมือ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองในแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน
หมายเหตุ มีผู้แสดงความเห็น 63 คน
ร้อยละ 19.3 ขยายโครงข่ายการคมนาคมระหว่างกันให้ครอบคลุม
ร้อยละ 19.0 ขยายปริมาณการค้าในหมู่ประเทศสมาชิก
ร้อยละ 17.0 เพิ่มบทบาทและสร้างเอกภาพของอาเซียนในเวทีโลก
ร้อยละ 13.9 สร้างความมั่นคงในภูมิภาค
ร้อยละ 14.4 ขยายการลงทุนในประเทศสมาชิก
ร้อยละ 7.2 การท่องเที่ยวระหว่างกันของประชาชนอาเซียนให้มากขึ้น
ร้อยละ 4.6 การเคลื่อนย้ายแรงงานที่เสรีให้ครอบคลุมสาขาอาชีพต่างๆ ให้มากขึ้น
ร้อยละ 4.6 มีการแลกเปลี่ยนด้านสังคมและวัฒนธรรมระหว่างกันให้มากขึ้น
มีการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของทุกประเทศ
หมายเหตุ: รายงานผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ฉบับนี้ เป็นการสำรวจความเห็นส่วนตัวของ นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งมิได้สื่อถึงแนวนโยบายขององค์กรที่นักเศรษฐศาสตร์สังกัดอยู่แต่อย่างใดรายละเอียดในการสำรวจ
เพื่อทราบความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ที่มีต่อบทบาทของประเทศไทยในเวทีอาเซียนในปัจจุบัน ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อความร่วมมือของไทยในอาเซียน รวมถึงประเด็นความร่วมมือที่อาเซียนควรเร่งดำเนินการ ผลสำรวจที่ได้คาดว่าจะประโยชน์ต่อหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ
เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในสาขาเศรษฐศาสตร์ (กรณีสำเร็จการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์เฉพาะปริญญาตรี หรือปริญญาโท หรือปริญญาเอก อย่างใดอย่างหนึ่ง จะต้องมีประสบการณ์ในการทำงานด้านวิเคราะห์/วิจัย/หรืองานที่เกี่ยวข้องที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถด้านเศรษฐศาสตร์อย่างน้อย 5 ปีจนถึงปัจจุบัน) ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานด้านการวิเคราะห์ วิจัยเศรษฐกิจระดับชั้นนำของประเทศ จำนวน 30 แห่ง ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(TDRI) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารธนชาต ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารทหารไทย บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน บริษัทหลักทรัพย์เอเชียพลัส บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย บริษัททิพยประกันชีวิต คณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร สำนักวิชาเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ คณะวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยทักษิณ และคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
การสำรวจนี้เป็นการวิจัยโดยการเลือกตัวอย่างประชากรโดยไม่อาศัยหลักความน่าจะเป็น (Non-probability sampling) แต่ละหน่วยตัวอย่างที่จะได้รับการเลือก จึงเป็นการเลือกตัวอย่างประชากรแบบเจาะจง (Purposive sampling) และดำเนินการรวบรวมข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามออนไลน์ไปยังนักเศรษฐศาสตร์ในหน่วยงานที่กำหนดภายในระยะเวลาที่กำหนด
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 7-13 มกราคม 59 วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 21 มกราคม 59ข้อมูลรายละเอียดของกลุ่มตัวอย่าง
จำนวน ร้อยละ ประเภทของหน่วยงานที่กลุ่มตัวอย่างทำงานอยู่
หน่วยงานภาครัฐ 31 48.4 หน่วยงานภาคเอกชน 22 34.4 สถาบันการศึกษา 11 17.2 รวม 64 100 เพศ ชาย 39 60.9 หญิง 25 39.1 รวม 64 100 อายุ 20 ปี – 25 ปี 1 1.6 26 ปี – 35 ปี 15 23.4 36 ปี – 45 ปี 29 45.3 46 ปีขึ้นไป 18 28.1 ไม่ระบุ 1 1.6 รวม 64 100 การศึกษา ปริญญาตรี 3 4.7 ปริญญาโท 45 70.3 ปริญญาเอก 15 23.4 ไม่ระบุ 1 1.6 รวม 64 100 ประสบการณ์ 1-5 ปี 7 10.9 6-10 ปี 16 25 11-15 ปี 17 26.6 16-20 ปี 8 12.5 ตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป 15 23.4 ไม่ระบุ 1 1.6 รวม 64 100--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--