กรุงเทพโพลล์: “มุมมองประชาชนต่อความท้าทายที่รัฐบาลใหม่ต้องเผชิญ”

ข่าวผลสำรวจ Monday June 17, 2019 08:03 —กรุงเทพโพลล์

ประชาชนส่วนใหญ่ 65.6% เห็นว่ารัฐบาลใหม่จะมีเสถียรภาพและความมั่นคงค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด 64.1% เห็นว่ารัฐบาลจะ เผชิญกับความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล การจัดสรรตำแหน่ง โควตารัฐมนตรี

ส่วนใหญ่ 59.6 % อยากให้สานต่อนโยบายแบบไร้รอยต่อด้านการช่วยเหลือผู้ยากจน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและ 53.1% วอนรัฐบาลรีบดำเนินการนโยบายเพิ่มรายได้ประเทศ เพิ่มรายได้ประชาชน ตามที่ได้หาเสียงไว้

กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “มุมมองประชาชนต่อความท้า ทายที่รัฐบาลใหม่ต้องเผชิญ” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,196 คน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ65.6 เห็นว่ารัฐบาลใหม่จากการผสมกว่า 19 พรรคการเมือง จะมีเสถียรภาพและความมั่นคงค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะที่ร้อยละ 34.4 เห็นว่าจะ มีเสถียรภาพและความมั่นคงค่อนข้างมากถึงมากที่สุด

สำหรับสิ่งที่รัฐบาลใหม่จะเผชิญกับความท้าทายด้านเสถียรภาพทางการเมืองมากที่สุดคือ ความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล การจัด สรรตำแหน่ง โควตารัฐมนตรี คิดเป็นร้อยละ 64.1 รองลงมาคือ กระแสข่าวโจมตีรัฐบาล คิดเป็นร้อยละ 43.8 และจำนวนเสียงที่ใกล้เคียง กันระหว่าง ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน คิดเป็นร้อยละ 41.6

ส่วนนโยบายที่รัฐบาลใหม่ควรเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศและแก้ปัญหาต่างๆ สานต่อจากที่ค้างคาไว้ในอดีต แบบไร้รอยต่อพบว่า อันดับแรกคือ ช่วยเหลือผู้ยากจน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม คิดเป็นร้อยละ 59.6 รองลงมาคือ ปฏิรูปเศรษฐกิจ การลงทุน ที่มีนวัตกรรมและ การวิจัย คิดเป็นร้อยละ 58.1 และต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น คิดเป็นร้อยละ 44.7

สุดท้ายเมื่อถามว่านโยบายหาเสียงของฝ่ายรัฐบาลที่อยากให้รีบดำเนินการมากที่สุดคือ เพิ่มรายได้ประเทศ เพิ่มรายได้ประชาชน คิดเป็นร้อยละ 53.1 รองลงมาคือ ทวงคืนกำไรให้ชาวสวน ชาวนา คิดเป็นร้อยละ 51.5 และเศรษฐกิจประชารัฐ คิดเป็นร้อยละ 45.3

โดยมีรายละเอียดตามประเด็นข้อคำถาม ดังต่อไปนี้

1. ความเห็นต่อรัฐบาลใหม่จากการผสมกว่า 19 พรรคการเมือง จะมีเสถียรภาพและความมั่นคงมากน้อยเพียงใด

ค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด
(โดยแบ่งเป็นค่อนข้างน้อยร้อยละ 41.2 และน้อยที่สุดร้อยละ 24.4)          ร้อยละ 65.6

ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
(โดยแบ่งเป็นค่อนข้างมากร้อยละ 29.7 และมากที่สุดร้อยละ 4.7)           ร้อยละ 34.4

2. สิ่งที่รัฐบาลใหม่จะเผชิญกับความท้าทายด้านเสถียรภาพทางการเมือง
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)

ความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล การจัดสรรตำแหน่ง โควต้ารัฐมนตรี          ร้อยละ 64.1
กระแสข่าวโจมตีรัฐบาล                                           ร้อยละ 43.8
จำนวนเสียงที่ใกล้เคียงกันระหว่าง ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน            ร้อยละ 41.6
ความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ                                       ร้อยละ 38.7
การชุมนุมประท้วง ภายหลังปลดล็อค ม.44                             ร้อยละ 35.5

3. นโยบายที่รัฐบาลใหม่ควรเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศและแก้ปัญหาต่างๆ สานต่อจากที่ค้างคาไว้ในอดีต แบบไร้รอยต่อ
5 อันดับแรก(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)

ช่วยเหลือผู้ยากจน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม                          ร้อยละ 59.6
ปฏิรูปเศรษฐกิจ การลงทุน ที่มีนวัตกรรมและการวิจัย                      ร้อยละ 58.1
ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น                                         ร้อยละ 44.7
ช่วยเหลือเรื่องที่อยู่อาศัย พัฒนาคืนความสุขให้ประชาชน                    ร้อยละ 28.6
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบราง รถไฟความเร็วสูง                      ร้อยละ 22.1

4. นโยบายหาเสียงของฝ่ายรัฐบาลที่อยากให้รีบดำเนินการมากที่สุด 5 อันดับแรก (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)

เพิ่มรายได้ประเทศ เพิ่มรายได้ประชาชน                              ร้อยละ 53.1
ทวงคืนกำไรให้ชาวสวน ชาวนา                                     ร้อยละ 51.5
เศรษฐกิจประชารัฐ                                              ร้อยละ 45.3
สังคมประชารัฐ                                                 ร้อยละ 38.1
สวัสดิการประชารัฐ                                              ร้อยละ 25.1
รายละเอียดการสำรวจ

วัตถุประสงค์การสำรวจ

1) เพื่อสะท้อนเห็นต่อรัฐบาลใหม่จากการผสมกว่า 19 พรรคการเมือง จะมีเสถียรภาพและความมั่นคงมากน้อยเพียงใด

2) เพื่อสะท้อนถึงสิ่งที่รัฐบาลใหม่จะเผชิญกับความท้าทายด้านเสถียรภาพทางการเมือง

3) เพื่อสะท้อนถึงนโยบายที่รัฐบาลใหม่ควรเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศและแก้ปัญหาต่างๆ สานต่อจากที่ค้างคาไว้ในอดีต แบบไร้รอยต่อ

4) เพื่อสะท้อนถึงนโยบายหาเสียงของฝ่ายรัฐบาลที่อยากให้รีบดำเนินการมากที่สุด

ประชากรที่สนใจศึกษา

การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐาน ข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์ จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย

ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)

การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%

วิธีการรวบรวมข้อมูล

ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้าง แน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) จากนั้นได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึก ข้อมูลและประมวลผล

ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 11-13 มิถุนายน 2562

          วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ          : 15 มิถุนายน 2562

--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ