ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 70.6 รับมือสถานการณ์ “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019” ด้วยการใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกนอกบ้าน โดยประชาชนร้อยละ76.8 ให้ความสนใจและติดตามมากที่สุดเรื่องวิธีป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อโดยส่วนใหญ่มีระดับความวิตกกังวลเรื่องการติดเชื้อ ในระดับปานกลาง
พร้อมวอนรัฐบาลให้ข้อเท็จจริงแก่ประชาชนขจัดข่าวลวงที่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชนทั้งนี้ส่วนใหญ่ร้อยละ 68.0 มีความเชื่อมั่น มากถึงมากที่สุดในฝีมือแพทย์และสาธารณสุขของไทยต่อการรับมือ
กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 คนไทยรับมือ อย่างไร”โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,199 คน พบว่า
เรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นพิเศษจากการติดตามข่าวและสถานการณ์“ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019” ร้อยละ 76.8 คือวิธีป้อง กันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ รองลงมาร้อยละ 48.9 คือ แนวทางการรักษาและควบคุมการติดเชื้อ และร้อยละ 43.2 คือ จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทย
เมื่อถามถึงความวิตกกังวล/กลัวการติดเชื้อ “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019” เพียงใด พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 42.0 ระบุว่า กังวล ระดับปานกลาง รองลงมาร้อยละ 37.4 ระบุว่า กังวลระดับน้อยถึงน้อยที่สุด และร้อยละ 20.6 ระบุว่า กังวลระดับมากถึงมากที่สุด
สำหรับการรับมือกับสถานการณ์จากข่าวการติดเชื้อ “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019” นั้นประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 70.6 ระบุว่า รับมือโดยการสวมใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกนอกบ้าน รองลงมาร้อยละ 68.5 ระบุว่า ติดตามข่าวสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และร้อยละ 61.6 ระบุว่าระมัดระวังตัวเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีคนเยอะๆ
ส่วนสิ่งที่รัฐบาลควรทำมากที่สุด จากสถานการณ์ “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019”ที่เกิดขึ้นในประเทศขณะนี้ ประชาชนร้อยละ 66.7 ระบุว่า ควรให้ข้อเท็จจริงแก่ประชาชนขจัดข่าวลวงที่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชน รองลงมาร้อยละ 54.2 ระบุว่า ควรเปิดโอกาสให้บุคลากร ทางการแพทย์มีบทบาทในการออกมาให้ข้อมูลกับประชาชนและร้อยละ 53.1 ระบุว่า ควรให้ข้อปฏิบัติเรื่องการป้องกันที่ถูกต้องกับประชาชนอย่างทั่วถึง
ด้านความมั่นใจในฝีมือของทีมแพทย์และสาธารณสุขของไทยในการรับมือกับสถานการณ์ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 68.0 ระบุว่า มั่นใจมาก ถึงมากที่สุด รองลงมาร้อยละ 26.5 ระบุว่ มั่นใจปานกลาง และร้อยละ 5.5 เท่านั้นที่ระบุว่ามั่นใจน้อยถึงน้อยที่สุด
โดยมีรายละเอียดตามประเด็นข้อคำถาม ดังต่อไปนี้
ที่มา: ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์