ประชาชนเฉลี่ยร้อยละ 80.1 ระบุว่า รู้แล้วว่าจะต้องทำตัวอย่างไรหากตนเองติดเชื้อ COVID-19 โดยเรื่องที่ประชาชนรับรู้มากที่สุด คือ ต้องสวมใส่แมสก์ตลอดเวลาและแยกของใช้ส่วนตัว ร้อยละ 99.3
ทั้งนี้เรื่องที่รับรู้น้อยกว่าเรื่องอื่นๆ คือ เมื่อติดเชื้อแล้วต้องโทร 1330, 1668, 1669 เพื่อแจ้งเรื่องเข้ารับการรักษา และข้อมูลติดต่อของตนให้หน่วยงานที่รับเรื่อง ร้อยละ 57.7
โดยส่วนใหญ่ประชาชนร้อยละ 76.5 ต้องการให้ภาครัฐเร่งให้ข้อมูลเรื่องอาการที่ไม่พึงประสงค์ หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีนแก่ประชาชนมากที่สุดเพื่อเตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีน COVID-19
ผลสำรวจเรื่อง ?คนไทยพร้อมไหม?? หาก COVID-19 ไม่ห่างไกลเรา?
กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง ?คนไทยพร้อมไหม?? หาก COVID-19 ไม่ห่างไกลเรา? โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,225 คน ได้ผลสำรวจดังนี้
เมื่อถามว่า ?รู้หรือไม่ว่าต้องทำตัวอย่างไร หากติดเชื้อ COVID-19? ประชาชนส่วนใหญ่ระบุว่า ?รู้? โดยมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 80.1 ขณะที่ระบุว่า ?ไม่รู้? โดยมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 19.9
ทั้งนี้เรื่องที่ประชาชนรับรู้มากที่สุด คือ ต้องสวมใส่แมสก์ตลอดเวลาและแยกของใช้ส่วนตัว ร้อยละ 99.3 รองลงมาคือ ต้องงดออกจากที่พักหรือเดินทางข้ามจังหวัด (ฝ่าฝืนมีโทษผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 มาตรา 34) ร้อยละ 95.2 และต้องงดใกล้ชิดครอบครัวและผู้อื่น ถ้าแยกห้องน้ำได้ควรแยก ร้อยละ 94.2 ส่วนเรื่องที่ประชาชนรับรู้น้อยที่สุดคือ การโทรสายด่วน 1330, 1668, 1669 เพื่อแจ้งเรื่องเข้ารับการรักษา แจ้งรายละเอียดและเบอร์โทรศัพท์ของตนให้หน่วยงานที่รับเรื่อง ร้อยละ 57.7
สำหรับเรื่องที่อยากให้ภาครัฐเร่งให้ความรู้กับประชาชนมากที่สุดเพื่อเตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีน COVID-19 คือ อาการที่ไม่พึงประสงค์ หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีนร้อยละ 76.5รองลงมาคือ ผลดีและผลเสียจากการฉีดและไม่ฉีดวัคซีน ร้อยละ 68.8 และวิธีปฏิบัติตัวทั้งก่อนและหลังการฉีดวัคซีน ร้อยละ 65.9
โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. ท่านรู้หรือไม่ /ต้องทำตัวอย่างไร หากติด COVID-19
ประเด็น รู้ (ร้อยละ) ไม่รู้ (ร้อยละ) สวมใส่แมสก์ตลอดเวลาและแยกของใช้ส่วนตัว 99.3 0.7 งดออกจากที่พักหรือเดินทางข้ามจังหวัด (ฝ่าฝืนมีโทษผิดพ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 มาตรา 34) 95.2 4.8 งดใกล้ชิดครอบครัวและผู้อื่น ถ้าแยกห้องน้ำได้ควรแยก 94.2 5.8 หากมีไข้ให้รับประทานยาพาราเซตามอลและเช็ดตัวเพื่อลดไข้ 84.4 15.6 เตรียมเสื้อผ้า ของใช้จำเป็นและยารักษาโรคประจำตัว ให้ครบ 14 วันเมื่อต้องไปอยู่ รพ.สนาม 82.4 17.6 หากมีอาการป่วยเกิดขึ้นใหม่หรือเพิ่มขึ้นจากอาการเดิม ขณะรอรถมารับไป รพ. ให้โทรแจ้ง ให้ติดต่อสายด่วน 1669, 1668 เพื่อเรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน 79.2 20.8 ผู้ป่วย COVID-19 ได้รับการรักษาฟรี ไม่ต้องจ่ายส่วนต่างหากจำเป็นต้องเข้ารักษาใน รพ. เอกชน 64.7 35.3 เตรียมเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน เอกสารยืนยันผลตรวจโควิด 63.7 36.3 โทร 1330, 1668, 1669 เพื่อแจ้งเรื่องเข้ารับการรักษา แจ้งรายละเอียดและเบอร์โทรศัพท์ของตนให้หน่วยงานที่รับเรื่อง 57.7 42.3 ค่าเฉลี่ย 80.1 19.9 2. อยากให้ภาครัฐเร่งให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องใดเพื่อเตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีน COVID-19 อาการที่ไม่พึงประสงค์ หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีด ร้อยละ 76.5 ผลดีและผลเสียจากการฉีดและไม่ฉีดวัคซีน ร้อยละ 68.8 วิธีปฏิบัติตัวทั้งก่อนและหลังการฉีดวัคซีน ร้อยละ 65.9 ความชัดเจนเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาอาการไม่พึงประสงค์ หรือผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน ร้อยละ 59.7 ให้มีระบบจัดการ/ป้องกันข่าวปลอมหรือ เฟคนิวส์เรื่องวัคซีน ร้อยละ 55.8 รายละเอียดในการสำรวจ วัตถุประสงค์ในการสำรวจเพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติตัวหากติดเชื้อ COVID-19 และเรื่องที่ภาครัฐควรเร่งให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชนเพื่อเตรียมพร้อมก่อนฉีดวัคซีน ทั้งนี้เพื่อสะท้อนมุมมองความคิดเห็นของประชาชนให้สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
ประชากรที่สนใจศึกษา
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 3 ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
วิธีการรวบรวมข้อมูล
ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอนประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) จากนั้นจึงนำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 11-13 พฤษภาคม 2564
วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ : 15 พฤษภาคม 2564
ที่มา: ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์