กรุงเทพโพลล์: รับมืออย่างไร หากค่าครองชีพพุ่ง หลังรัฐเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล

ข่าวผลสำรวจ Tuesday May 3, 2022 08:44 —กรุงเทพโพลล์

กรุงเทพโพลล์: รับมืออย่างไร หากค่าครองชีพพุ่ง หลังรัฐเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล

ประชาชนร้อยละ 58.7 ทราบแล้วว่าหากรัฐเลิกตรึงราคาดีเซลอาจจะส่งผลให้ราคาสินค้าและค่าครองชีพสูงขึ้น ส่วนใหญ่ร้อยละ 77.2 กังวลค่อนข้างมากถึงมากที่สุดว่ารายรับจะไม่เพียงพอกับรายจ่าย โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 72.5 เลือกรับมือด้วยการใช้จ่ายประหยัดขึ้น ซื้อแต่ของที่จำเป็น

ทั้งนี้ร้อยละ 43.4 อยากให้รัฐควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็นเพื่อช่วยเหลือประชาชนลดภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยร้อยละ 54.8 อยากให้รัฐใช้งบประมาณมาอุดหนุนหรือลดภาษีสรรพสามิต เพื่อตรึงราคาน้ำมันต่อไป

ผลสำรวจเรื่อง ?รับมืออย่างไร หากค่าครองชีพพุ่ง หลังรัฐเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล?

กรุงเทพโพลล์ โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความเห็นประชาชนเรื่อง ?รับมืออย่างไร หากค่าครองชีพพุ่ง หลังรัฐเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล? โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,038 คน เมื่อวันที่ 25-28 เมษายน ที่ผ่านมาพบว่า

ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 58.7 ทราบว่ารัฐบาลจะเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซลในเดือน พ.ค. นี้ และอาจจะส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ขณะที่ร้อยละ 41.3 ระบุว่าไม่ทราบ

โดยประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 77.2 ระบุว่ามีความกังวลค่อนข้างมากถึงมากที่สุดว่ารายรับจะไม่เพียงพอกับรายจ่ายหากราคาสินค้าและค่าครองชีพขยับตัวสูงขึ้น ขณะที่ร้อยละ 22.8 ระบุว่ามีความกังวลค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด

เมื่อถามว่า ?มีวิธีรับมืออย่างไรกับค่าครองชีพที่มีทิศทางปรับตัวสูงขึ้นหากรัฐจะเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซลในเดือน พ.ค. นี้? ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 72.5 ระบุว่าใช้จ่ายอย่างประหยัด ใช้จ่ายแต่สิ่งจำเป็น รองลงมาร้อยละ 11.6 ระบุว่าหารายได้เสริมจากงานประจำ และร้อยละ 10.5 ระบุว่าใช้วิธีวางแผนค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน

ทั้งนี้เรื่องที่อยากให้รัฐบาลมีนโยบายหรือโครงการใดเพื่อช่วยเหลือประชาชน ลดภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น นั้นพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 43.4 อยากให้รัฐควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็น รองลงมาร้อยละ 17.4 อยากให้ปรับค่าแรงขั้นต่ำให้สูงขึ้นเพื่อสอดรับกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น และร้อยละ 12.7 อยากนำโครงการต่างๆ กลับมาใช้ใหม่เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน เช่น คนละครึ่ง และอยากสนับสนุนภาคเอกชนให้มีการจ้างงานเพิ่มเพื่อลดปัญหาการว่างงาน

สำหรับแนวทางที่ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 54.8 คิดว่ารัฐบาลควรหาทางออกเรื่องการบริหารจัดการน้ำมันภายในประเทศ คือ ใช้งบประมาณมาอุดหนุนหรือลดภาษีสรรพสามิต เพื่อตรึงราคาน้ำมันต่อไป รองลงมาร้อยละ 17.2 คือ ค่อยๆ ทยอยปรับขึ้นราคาน้ำมันเพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัว และร้อยละ 9.4 คือ ปล่อยราคาน้ำมันไปตามกลไกของตลาดโลก ประชาชนจะได้รู้ราคาที่แท้จริง

โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. ทราบหรือไม่ว่ารัฐบาลจะเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซลในเดือน พ.ค. นี้ และอาจจะส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น

ทราบ          ร้อยละ          58.7
ไม่ทราบ          ร้อยละ          41.3

2. กังวลมากน้อยเพียงใดว่ารายรับของท่านจะไม่เพียงพอกับรายจ่ายหากราคาสินค้าและค่าครองชีพขยับตัวสูงขึ้น

กังวลค่อนข้างมากถึงมากที่สุด          ร้อยละ          77.2
(โดยแบ่งเป็น กังวลค่อนข้างมาก ร้อยละ 47.1   และกังวลมากที่สุด ร้อยละ 30.1  )

กังวลค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด          ร้อยละ          22.8
(โดยแบ่งเป็น กังวลค่อนข้างน้อย ร้อยละ 18.2   และกังวลน้อยที่สุด ร้อยละ 4.6  )

3. ท่านมีวิธีรับมืออย่างไรกับค่าครองชีพที่มีทิศทางปรับตัวสูงขึ้นหากรัฐจะเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซลในเดือน พ.ค. นี้

ใช้จ่ายอย่างประหยัด ใช้จ่ายแต่สิ่งจำเป็น          ร้อยละ          72.5
หารายได้เสริมจากงานประจำ                  ร้อยละ          11.6
วางแผนค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน                       ร้อยละ          10.5
ประหยัดไฟ เพราะค่าไฟขึ้นราคา          ร้อยละ          3.1
ซื้อของยกแพ็ค เพราะราคาถูกกว่า          ร้อยละ          2.3

4. ท่านอยากให้รัฐบาลมีนโยบายหรือโครงการใดเพื่อช่วยเหลือประชาชน ลดภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น

ควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็น          ร้อยละ           43.4
ปรับค่าแรงขั้นต่ำให้สูงขึ้นเพื่อสอดรับกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น          ร้อยละ          17.4
นำโครงการต่างๆ กลับมาใช้ใหม่เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน เช่น คนละครึ่ง          ร้อยละ          12.7
สนับสนุนภาคเอกชนให้มีการจ้างงานเพิ่มเพื่อลดปัญหาการว่างงาน          ร้อยละ          12.7
หาวิธีเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่าย/เพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชน          ร้อยละ          12.1
อื่นๆ อาทิ ช่วยเรื่องค่าน้ำ-ค่าไฟ ลดต้นทุนในการผลิตสินค้า ดูแลเรื่องราคาปุ๋ย ฯลฯ          ร้อยละ           1.7




5. ท่านคิดว่ารัฐบาลควรหาทางออกเรื่องการบริหารจัดการน้ำมันภายในประเทศด้วยแนวทางใด

ใช้งบประมาณมาอุดหนุนหรือลดภาษีสรรพสามิต เพื่อตรึงราคาต่อไป          ร้อยละ          54.8
ค่อยๆ ทยอยปรับขึ้นราคาน้ำมันเพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัว          ร้อยละ          17.2
ปล่อยราคาน้ำมันไปตามกลไกของตลาดโลก ประชาชนจะได้รู้ราคาที่แท้จริง          ร้อยละ           9.4
รณรงค์ให้ประชาชนลดปริมาณการใช้น้ำมัน          ร้อยละ          8.6
สนับสนุนและ ผลักดันการใช้รถพลังงานไฟฟ้าแทนรถที่ใช้น้ำมัน                    ร้อยละ          8.0
อื่นๆ อาทิ ให้ใช้น้ำมันที่ผลิตในประเทศไทย ลดการส่งออกน้ำมันไปต่างประเทศ ฯลฯ          ร้อยละ          2.0

?

รายละเอียดในการสำรวจ

วัตถุประสงค์ในการสำรวจ

เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น หลังรัฐบาลเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล ตลอดจนเสนอแนะแนวทางการบริหารจัดการน้ำมันในประเทศให้กับรัฐบาลพิจารณา ทั้งนี้เพื่อสะท้อนมุมมองความคิดเห็นของประชาชนให้สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ

ประชากรที่สนใจศึกษา

การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย

ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)

การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 4 ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%

วิธีการรวบรวมข้อมูล

ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอนประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) จากนั้นจึงนำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล

ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 25-28 เมษายน 2565

วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ : 30 เมษายน 2565

ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
          จำนวน          ร้อยละ
เพศ
            ชาย          541          52.1
            หญิง          497          47.9
รวม           1,038           100.0
อายุ
            18 ? 30 ปี          80          7.7
            31 ? 40 ปี          132          12.7
            41 ? 50 ปี          282          27.2
            51 ? 60 ปี          277          26.7
            61 ปีขึ้นไป           267          25.7
รวม           1,038           100.0
การศึกษา
            ต่ำกว่าปริญญาตรี          599          57.7
            ปริญญาตรี          339          32.7
            สูงกว่าปริญญาตรี          100          9.6
รวม           1,038           100.0
อาชีพ
          ลูกจ้างรัฐบาล          105          10.1
          ลูกจ้างเอกชน          217          20.9
          ค้าขาย/ ทำงานส่วนตัว/ เกษตรกร          405          39.0
          เจ้าของกิจการ/ นายจ้าง          45          4.4
          พ่อบ้าน/ แม่บ้าน/เกษียณอายุ          226          21.8
          นักเรียน/นักศึกษา          19          1.8
          ว่างงาน           21          2.0
รวม           1,038           100.0


กรุงเทพโพลล์  โทร. 02-407-3888 ต่อ 2897,2898
E-mail: bangkokpoll@bu.ac.th      Website: http://bangkokpoll.bu.ac.th
Twitter: http://twitter.com/bangkok_poll





ที่มา: ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ