จากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของไทยที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง และได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้มีการ ดำเนินการและแสดงออกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแนวทางที่แตกต่างกันออกไป ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) จึงได้ดำเนินการ สำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อการกระทำและการแสดงออกของกลุ่มต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางในการพิจารณาหาทางออกของวิกฤตการณ์ความขัดแย้งร่วม กันอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปทุกกลุ่มอาชีพที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,180 คน เป็นเพศชายร้อยละ 46.2 และเพศหญิงร้อยละ 53.8 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2551 สรุปผลได้ ดังนี้
โดยให้เหตุผลของการกระทำที่ไม่เหมาะสมของฝ่ายต่างๆ ดังนี้ (เป็นคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุเอง) - การกระทำและแสดงออกของกลุ่มพันธมิตรฯ
เห็นว่าไม่เหมาะสม ร้อยละ 69.3โดยให้เหตุผลว่า ก่อให้เกิดความวุ่นวาย รุนแรงเกินเหตุ สร้างความเดือดร้อน เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิต ไม่เคารพกฎหมาย ยึด สถานที่สำคัญทำให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนรวม
โดยให้เหตุผลว่า ละเลยและวางเฉยไม่จริงจังในการแก้ปัญหา ไม่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นต้นเหตุของความรุนแรง ยึดผล ประโยชน์และรักษาผลประโยชน์ของตน ควรลาออกเพื่อให้บ้านเมืองสงบ
โดยให้เหตุผลว่า ไม่เป็นกลาง ควบคุมการประชุมไม่ได้ ใช้คำพูดไม่เหมาะสม
โดยให้เหตุผลว่า ไม่เป็นกลาง เอนเอียงเข้าข้างพันธมิตร อยากเป็นรัฐบาล ไม่กล้าแสดงออกให้ชัดเจน ไม่มีบทบาท ไม่ช่วยแก้ ปัญหาอย่างจริงจัง
โดยให้เหตุผลว่า ไม่เด็ดขาด เพิกเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อป้องกันเหตุรุนแรง เช่น เข้าไปตรึงกำลังในสนามบินเพื่อป้องกันการบุก ยึด และตรวจค้นอาวุธของผู้ชุมนุม เป็นต้น
โดยให้เหตุผลว่า ทำการเกินกว่าเหตุ ใช้ความรุนแรง ทำตามคำสั่งรัฐบาลมากเกินไป
โดยให้เหตุผลว่า เสนอข่าวไม่เป็นกลาง เสนอข่าวให้เกิดการทะเลาะแตกแยก เสนอข่าวไม่ครบถ้วน
โดยให้เหตุผลว่า ไม่ควรออกมาประกาศสงคราม ก่อเหตุปะทะ ปลุกระดม ทำให้เกิดเหตุความรุนแรงมากขึ้น และทำเพื่อปกป้องผล ประโยชน์ของพวกพ้องโดยไม่คิดถึงประเทศชาติส่วนรวม
โดยให้เหตุผลว่า ไม่ยอมรับความผิดแล้วกลับมาสู้คดีตามกระบวนการของกฎหมายยุยงปลุกกระแสความขัดแย้ง ไม่หยุดให้ข่าวหรือให้ สัมภาษณ์ในทางเสียหายแก่ประเทศ ไม่ยอมวางมือทางการเมือง
โดยผลกระทบที่ได้รับ คือ - การจราจรติดขัด เดินทางไม่สะดวก
- โรงเรียนบุตรหลานต้องหยุดการเรียนการสอน
- ลูกค้ายกเลิกการสั่งซื้อสินค้า ยอดขายตก รายได้ตก กลัวตกงาน
- เกิดความเครียด
- เกิดความแตกแยกในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ฯลฯ
รายละเอียดในการสำรวจ
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครในประเด็นต่อไปนี้
1. ความคิดเห็นต่อการกระทำและการแสดงออกของฝ่ายต่างๆ ในเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
2. ความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ภายในประเทศ
3. ทางออกที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาความขัดแย้งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
4. ผลกระทบที่ได้รับจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปจากทุกสาขาอาชีพ ในเขตกรุงเทพมหานคร ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้น ตอน (Multi-Stage Sampling) โดยการสุ่มเขตการปกครอง จากนั้นสุ่มถนน แล้วจึงสุ่มประชากรเป้าหมายที่จะสัมภาษณ์อย่างเป็นระบบ ได้กลุ่ม ตัวอย่างทั้งสิ้น 1,180 คน เป็นเพศชาย ร้อยละ 46.2 และเพศหญิง ร้อยละ 53.8
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีความคลาดเคลื่อน ? 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสัมภาษณ์แบบพบตัว (Face-to-face Interview) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และคำถามปลายเปิด (Open Form) จากนั้นคณะนักวิจัยได้นำแบบสอบถามทุกชุดมา ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 27 พฤศจิกายน 2551
วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ : 28 พฤศจิกายน 2551ตาราง ข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน ร้อยละ เพศ : ชาย 545 46.2 หญิง 635 53.8 อายุ 18-25 ปี 372 31.5 26-35 ปี 433 36.7 36-45 ปี 230 19.5 46 ปีขึ้นไป 145 12.3 การศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี 455 38.5 ปริญญาตรี 622 52.8 สูงกว่าปริญญาตรี 103 8.7 อาชีพ ข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ 58 4.9 พนักงาน/ลูกจ้างบริษัทเอกชน 357 30.3 ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว 310 26.3 รับจ้างทั่วไป 200 16.9 พ่อบ้าน แม่บ้าน เกษียณอายุ 25 2.1 นิสิต นักศึกษา 182 15.5 อื่นๆ อาทิ อาชีพอิสระ ว่างงาน 48 4.0 รวม 1,180 100.0--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--