ดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศเดือนสิงหาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 3, 2020 14:27 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

ดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศ แบ่งตามกิจกรรมการผลิต (CPA : Classification of Products by Activity) เดือนสิงหาคม 2563 (ปี 2553 = 100) เท่ากับ 100.0 เทียบกับเดือนสิงหาคม 2562 ลดลงร้อยละ 1.3 (YoY) เป็นผลจากหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 1.5 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เครื่องไฟฟ้า อุปกรณ์และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เคมีภัณฑ์ เยื่อกระดาษ และสิ่งทอ หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 16.4 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ ก๊าซธรรมชาติ และแร่โลหะ โดยสินค้าเชื้อเพลิงและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันปรับลดลงตามตลาดโลกและต้นทุนวัตถุดิบ ขณะที่หมวดผลผลิตเกษตรกรรม สูงขึ้นร้อยละ 4.0 จากสินค้าสำคัญ อาทิ ข้าวเปลือก มะพร้าวผล และอ้อย จากภาวะภัยแล้ง ผลปาล์มสด จากความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สุกร/ไก่มีชีวิต จากความต้องการบริโภคของตลาดทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น

ดัชนีราคาผู้ผลิต แบ่งตามขั้นตอนการผลิต (SOP : Stage of Processing) พบว่า หมวดสินค้าสำเร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ 0.4 ขณะที่สินค้ากึ่งสำเร็จรูป (แปรรูป) และสินค้าวัตถุดิบ หดตัวร้อยละ 5.3 และ 0.7 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม สินค้าในห่วงโซ่อุปทานของกลุ่มอาหารปรับสูงขึ้นทั้งสินค้าที่เป็นวัตถุดิบ สินค้ากึ่งสำเร็จรูปและสินค้าสำเร็จรูป ได้แก่ ข้าวเปลือก –ข้าวสารเจ้า/ข้าวนึ่ง/ปลายข้าว/รำข้าวขาว อ้อย-น้ำตาลทรายดิบ-น้ำตาลทรายขาว/น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ (ละเอียด) และสับปะรดโรงงาน-น้ำสับปะรด/สับปะรดกระป๋อง ตามผลผลิตที่ลดลงจากภาวะภัยแล้ง

1. เทียบกับเดือนสิงหาคม 2562 (YoY) ลดลงร้อยละ 1.3 โดยหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 1.5 จากสินค้าสำคัญที่ราคาเคลื่อนไหวตามตลาดโลกและราคาวัตถุดิบที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (น้ำมันดีเซล น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91,95 น้ำมันเตา น้ำมันเครื่องบิน ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG)) กลุ่มเคมีภัณฑ์ (โซดาไฟ เม็ดพลาสติก) กลุ่มโลหะขั้นมูลฐานและผลิตภัณฑ์ (เหล็กแท่ง เหล็กแผ่น เหล็กเส้นและเหล็กฉาก) กลุ่มเยื่อกระดาษ ผลิตภัณฑ์กระดาษ (กระดาษพิมพ์เขียน เยื่อกระดาษ) กลุ่มเครื่องไฟฟ้า อุปกรณ์และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ (สายเคเบิล แผงวงจรไฟฟ้า) ส่วนกลุ่มสิ่งทอ (เส้นใยสังเคราะห์ ด้ายฝ้าย) จากราคาวัตถุดิบที่ลดลงและการปรับราคาเพื่อกระตุ้นยอดขาย

หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 16.4 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ ก๊าซธรรมชาติ และแร่ (ตะกั่ว สังกะสี) ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาดโลก

หมวดผลผลิตเกษตรกรรม สูงขึ้นร้อยละ 4.0 จากสินค้าสำคัญ กลุ่มผลผลิตเกษตรกรรม ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว และอ้อย เนื่องจากปริมาณผลผลิตลดลงจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอในการเพาะปลูก ผลปาล์มสด เนื่องจากความต้องการใช้เพิ่มขึ้นตามมาตรการสนับสนุนการใช้น้ำมันไบโอดีเซลในประเทศ เพื่อระบายสต็อกน้ำมันปาล์มดิบ ยางพารา เนื่องจากมาตรการแก้ปัญหาราคายางของภาครัฐ ประกอบกับสต็อกยางปรับลดลง พืชผัก (แตงกวา ผักคะน้า ผักกาดขาว ผักกาดหอม ถั่วฝักยาว ต้นหอม ผักชี ผักกาดหัว ผักขึ้นฉ่าย กะหล่ำดอก ผักกวางตุ้ง) เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย และปริมาณน้ำไม่เพียงพอในการเพาะปลูกหลังจากฝนทิ้งช่วงนาน กลุ่มสัตว์มีชีวิตและผลิตภัณฑ์ ได้แก่ สุกร/ไก่มีชีวิต และไข่ไก่ เนื่องจากความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นรวมถึงการส่งออกปรับตัวดีขึ้น กลุ่มปลาและสัตว์น้ำ ได้แก่ ปลาช่อน ปลาตะเพียน ปลานิล ปลาทูสด ปลาลัง ปลาหมึกกล้วย และกุ้งแวนนาไม เนื่องจากปริมาณผลผลิตลดลง

2. เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2563 (MoM) สูงขึ้นร้อยละ 0.5 โดยหมวดผลผลิตเกษตรกรรม สูงขึ้นร้อยละ 2.1 จากสินค้าสำคัญ กลุ่มผลผลิตการเกษตร ได้แก่ มันสำปะหลังสด เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูกาลเก็บเกี่ยว ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง ผลปาล์มสด เนื่องจากความต้องการใช้เพิ่มขึ้นจากมาตรการระบายสต็อกน้ำมันปาล์มดิบและมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ขณะที่ปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมีแนวโน้มลดลง ยางพารา (น้ำยางข้น ยางแผ่นดิบ เศษยาง) เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง ขณะที่ความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น พืชผัก (มะนาว มะเขือ ผักคะน้า ผักกาดหอม ผักบุ้ง ต้นหอม ผักกาดหัว กะหล่ำดอก ผักกวางตุ้ง) เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอในการเพาะปลูกหลังจากฝนทิ้งช่วงนาน ผลไม้ (กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า สับปะรดโรงงาน ทุเรียน เงาะ ลองกอง) เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูกาลของผลไม้บางชนิด กลุ่มสัตว์มีชีวิต ได้แก่ สุกร/ไก่มีชีวิต เนื่องจากความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับปัญหาการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ส่งผลให้การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น สำหรับสินค้าที่ราคาลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกุ้งแวนนาไม เนื่องจากความต้องการบริโภคยังชะลอตัว

หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง สูงขึ้นร้อยละ 0.3 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ ก๊าซธรรมชาติเหลว (คอนเดนเสท) และแร่ (ตะกั่ว สังกะสี ดีบุก วุลแฟรม) ตามราคาตลาดโลก

หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 0.3 จากสินค้าสำคัญ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ เนื้อสุกร ไก่สด น้ำมันปาล์มดิบ น้ำตาลทรายดิบ/บริสุทธิ์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (มันเส้น มันอัดเม็ด แป้งมันสำปะหลัง) ตามราคาวัตถุดิบสินค้าเกษตรที่ปรับสูงขึ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91,95 น้ำมันเตา ยางมะตอย ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ราคาปรับเพิ่มขึ้นตามราคาตลาดโลก เนื่องจากการปรับลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องของกลุ่มโอเปก ประเทศพันธมิตร และสหรัฐฯ รวมทั้งความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจของหลายประเทศที่มีแนวโน้มดีขึ้น กลุ่มเคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เม็ดพลาสติก ตามราคาน้ำมันซึ่งเป็นสินค้าเกี่ยวเนื่อง กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง ตามราคาวัตถุดิบ กลุ่มยานพาหนะและอุปกรณ์ ได้แก่ รถยนต์นั่ง เนื่องจากการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์บางชิ้นส่วนของรถรุ่นเดิม และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้แก่ ทองคำ ตามราคาตลาดโลก

3. เฉลี่ย 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.) ปี 2563 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (AoA) ลดลงร้อยละ 2.2 โดยหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 2.3 จากสินค้าสำคัญ กลุ่มเครื่องไฟฟ้า อุปกรณ์และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ แผงวงจรไฟฟ้า สายเคเบิล และสายไฟ กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91,95 และน้ำมันเตา กลุ่มเคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เม็ดพลาสติก โซดาไฟ และปุ๋ยเคมีผสม กลุ่มโลหะขั้นมูลฐานและผลิตภัณฑ์โลหะ ได้แก่ เหล็กแผ่น เหล็กแท่ง เหล็กเส้น และเหล็กฉาก กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง ขวดพลาสติก และถุงพลาสติก กลุ่มสิ่งทอและผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ได้แก่ เส้นใยสังเคราะห์ ด้ายฝ้าย และด้ายใยสังเคราะห์ผสมฝ้าย กลุ่มเยื่อกระดาษ ผลิตภัณฑ์กระดาษ ได้แก่ กระดาษพิมพ์เขียน และเยื่อกระดาษ กลุ่มไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ ได้แก่ ไม้ยางพารา และไม้อัด

หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 13.3 จากสินค้าสำคัญ กลุ่มปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ ก๊าซธรรมชาติ และกลุ่มแร่โลหะ ได้แก่ ตะกั่ว สังกะสี ดีบุก และวุลแฟรม

หมวดผลผลิตเกษตรกรรม สูงขึ้นร้อยละ 1.8 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้า กลุ่มผลผลิตการเกษตร ได้แก่ ผลปาล์มสด ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว อ้อย สับปะรดโรงงาน/บริโภค มะพร้าวผล กล้วยน้ำว้า และชมพู่ กลุ่มสัตว์มีชีวิตและผลิตภัณฑ์ ได้แก่ สุกร/ไก่มีชีวิต และไข่ไก่

4. แนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนกันยายน 2563

ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนกันยายน 2563 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป จากอุปสงค์ทั้งภายในและต่างประเทศที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ยังมีแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด –19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอยู่ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของไทย สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี ได้แก่ อาหารแปรรูป และเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่อุตสาหกรรมสำคัญบางสาขาน่าจะยังเป็นปัจจัยลบต่อราคาสินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง เนื่องจากภาคการผลิต การขนส่ง และการท่องเที่ยว ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ สำหรับราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากมาตรการรัฐที่ยังคงมีผลอยู่ และความต้องการในภูมิภาคเพิ่มขึ้น ประกอบกับผลผลิตหลายชนิดมีน้อยกว่าปีก่อน คาดว่าสถานการณ์โดยรวมน่าจะกลับมาเป็นปกติได้ในเวลา 1 ปี

ที่มา: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ