คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อสำรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการในต่างประเทศ พ.ศ. ....ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงกลาโหมไปประกอบการพิจารณาด้วยแล้วดำเนินการต่อไปได้
กระทรวงการคลังรายงานว่า โดยที่การดำเนินการตามระเบียบเงินทุนทดรองค่าใช้จ่ายของส่วนราชการในต่างประเทศ พ.ศ. 2503 มีข้อกำหนดตลอดจนวงเงินในการดำเนินการไม่สอดคล้องกับหลักการอนุญาตให้ส่วนราชการเบิกเงินจากคลังเป็นเงินทดรองราชการ จึงเห็นสมควร แก้ไขวิธีปฏิบัติกรณีดังกล่าว เพื่อให้ส่วนราชการเจ้าสังกัดที่มีส่วนราชการในต่างประเทศมีเงินทดรองราชการเพื่อจัดสรรให้ส่วนราชการในต่างประเทศสามารถปฏิบัติราชการได้ในระหว่างที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรเงินตอนต้นปีงบประมาณได้อย่างคล่องตัวและสอดคล้องกับสถานการณ์การใช้จ่ายเงินในปัจจุบัน จึงได้เสนอร่างระเบียบดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อสำรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการในต่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. ยกเลิกระเบียบเงินทุนทดรองค่าใช้จ่ายของส่วนราชการในต่างประเทศ พ.ศ. 2503 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
2. กำหนดให้ส่วนราชการมีเงินทดรองราชการเพื่อสำรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการในต่างประเทศ ในระหว่างที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณตอนต้นปีงบประมาณได้ตามจำนวนที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังเป็นรายปี
3. การขอมีเงินทดรองราชการ ให้ส่วนราชการขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังก่อนวันเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่เป็นเวลาอย่างน้อย 2 เดือน
4. เมื่อกระทรวงการคลังอนุญาตให้ส่วนราชการมีเงินทดรองราชการเพื่อสำรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการในต่างประเทศแล้ว ให้ส่วนราชการเบิกเงินจากคลังเป็นเงินทดรองราชการสำหรับซื้อเงินตราต่างประเทศจากธนาคารพาณิชย์ เพื่อโอนให้แก่ส่วนราชการในต่างประเทศได้ก่อนวันเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ เป็นระยะเวลาไม่เกิน 15 วัน
5. เมื่อส่วนราชการได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณงวดที่หนึ่งของปีงบประมาณใหม่แล้วให้ดำเนินการเบิกเงินงบประมาณโดยวิธีเบิกหักผลักส่งเพื่อชดใช้คืนเงินทดรองราชการทั้งหมดภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับเงินงบประมาณ
6. วิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับการเงิน หรือวิธีปฏิบัติอื่นใดที่มิได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการว่าด้วยการนั้น และหากไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบนี้ได้ให้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 มกราคม 2550--จบ--
กระทรวงการคลังรายงานว่า โดยที่การดำเนินการตามระเบียบเงินทุนทดรองค่าใช้จ่ายของส่วนราชการในต่างประเทศ พ.ศ. 2503 มีข้อกำหนดตลอดจนวงเงินในการดำเนินการไม่สอดคล้องกับหลักการอนุญาตให้ส่วนราชการเบิกเงินจากคลังเป็นเงินทดรองราชการ จึงเห็นสมควร แก้ไขวิธีปฏิบัติกรณีดังกล่าว เพื่อให้ส่วนราชการเจ้าสังกัดที่มีส่วนราชการในต่างประเทศมีเงินทดรองราชการเพื่อจัดสรรให้ส่วนราชการในต่างประเทศสามารถปฏิบัติราชการได้ในระหว่างที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรเงินตอนต้นปีงบประมาณได้อย่างคล่องตัวและสอดคล้องกับสถานการณ์การใช้จ่ายเงินในปัจจุบัน จึงได้เสนอร่างระเบียบดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อสำรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการในต่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. ยกเลิกระเบียบเงินทุนทดรองค่าใช้จ่ายของส่วนราชการในต่างประเทศ พ.ศ. 2503 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
2. กำหนดให้ส่วนราชการมีเงินทดรองราชการเพื่อสำรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการในต่างประเทศ ในระหว่างที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณตอนต้นปีงบประมาณได้ตามจำนวนที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังเป็นรายปี
3. การขอมีเงินทดรองราชการ ให้ส่วนราชการขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังก่อนวันเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่เป็นเวลาอย่างน้อย 2 เดือน
4. เมื่อกระทรวงการคลังอนุญาตให้ส่วนราชการมีเงินทดรองราชการเพื่อสำรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการในต่างประเทศแล้ว ให้ส่วนราชการเบิกเงินจากคลังเป็นเงินทดรองราชการสำหรับซื้อเงินตราต่างประเทศจากธนาคารพาณิชย์ เพื่อโอนให้แก่ส่วนราชการในต่างประเทศได้ก่อนวันเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ เป็นระยะเวลาไม่เกิน 15 วัน
5. เมื่อส่วนราชการได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณงวดที่หนึ่งของปีงบประมาณใหม่แล้วให้ดำเนินการเบิกเงินงบประมาณโดยวิธีเบิกหักผลักส่งเพื่อชดใช้คืนเงินทดรองราชการทั้งหมดภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับเงินงบประมาณ
6. วิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับการเงิน หรือวิธีปฏิบัติอื่นใดที่มิได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการว่าด้วยการนั้น และหากไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบนี้ได้ให้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 มกราคม 2550--จบ--