คณะรัฐมนตรีพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอแล้วมีมติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะที่ 7 (ฝ่ายกฎหมายฯ) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม เป็นประธานกรรมการ เห็นควรอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2548 เป็นต้นไป และให้รับความเห็นชอบของ สำนักงบประมาณ รวมทั้งประเด็นอภิปรายไปพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. 2523 ดังนี้
1. แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า "สถานศึกษาของทางราชการ" ให้มีความหมายครอบคลุมถึงสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในสังกัดส่วนราชการ คำว่า "สถานศึกษาของเอกชน" ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2525 และคำว่า "บุตร" ให้มีอายุขั้นต่ำ 3 ปี จากเดิมที่มิได้กำหนดไว้
2. ขยายสิทธิการเบิกจ่ายค่าการศึกษาของบุตรให้แก่ผู้มีสิทธิที่มีบุตรศึกษาอยู่ในหลักสูตรระดับปริญญา ทั้งสถานศึกษาของทางราชการและสถานศึกษาของเอกชน โดยกำหนดให้มีสทธิได้รับค่าการศึกษาของบุตรครึ่งหนึ่งของจำนวนที่ได้จ่ายไปจริง แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด จากเดิมที่กำหนดให้เฉพาะหลักสูตรไม่สูงกว่าอนุปริญญาตรีหรือเทียบเท่าเต็มจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินประเภทและอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด
3. ควบคุมการเบิกจ่ายกรณีผู้มีสิทธิมีคู่สมรสซึ่งมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรจากหน่วยงานอื่น จะไม่มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรจากทางราชการ เว้นแต่ค่าการศึกษานั้นต่ำกว่าที่ผู้มีสิทธิจะได้รับตามร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ให้มีสิทธิได้รับเฉพาะส่วนที่ขาดอยู่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 ธันวาคม 2547--จบ--
สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. 2523 ดังนี้
1. แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า "สถานศึกษาของทางราชการ" ให้มีความหมายครอบคลุมถึงสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในสังกัดส่วนราชการ คำว่า "สถานศึกษาของเอกชน" ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2525 และคำว่า "บุตร" ให้มีอายุขั้นต่ำ 3 ปี จากเดิมที่มิได้กำหนดไว้
2. ขยายสิทธิการเบิกจ่ายค่าการศึกษาของบุตรให้แก่ผู้มีสิทธิที่มีบุตรศึกษาอยู่ในหลักสูตรระดับปริญญา ทั้งสถานศึกษาของทางราชการและสถานศึกษาของเอกชน โดยกำหนดให้มีสทธิได้รับค่าการศึกษาของบุตรครึ่งหนึ่งของจำนวนที่ได้จ่ายไปจริง แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด จากเดิมที่กำหนดให้เฉพาะหลักสูตรไม่สูงกว่าอนุปริญญาตรีหรือเทียบเท่าเต็มจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินประเภทและอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด
3. ควบคุมการเบิกจ่ายกรณีผู้มีสิทธิมีคู่สมรสซึ่งมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรจากหน่วยงานอื่น จะไม่มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรจากทางราชการ เว้นแต่ค่าการศึกษานั้นต่ำกว่าที่ผู้มีสิทธิจะได้รับตามร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ให้มีสิทธิได้รับเฉพาะส่วนที่ขาดอยู่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 ธันวาคม 2547--จบ--