คณะรัฐมนตรีพิจารณาจัดสรรงบประมาณค่าสาธารณูปโภคที่ไม่สอดคล้องกับรายจ่ายจริงตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ แล้วมีมติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.1 (ฝ่ายการศึกษาและการสาธารณสุข) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นประธานเห็นควรให้ความเห็นชอบแนวทางการจัดสรรงบประมาณค่าสาธารณูปโภคของสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษา ดังนี้
1. อนุมัติให้มหาวิทยาลัย/สถาบันอุดมศึกษาได้รับการจัดสรรงบประมาณค่าสาธารณูปโภคโดยรวมในอัตราร้อยละ 75 ของค่าสาธารณูปโภคที่จ่ายจริงประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2546 ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 โดยผ่อนผันให้ไม่ต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 เรื่อง การปรับปรุงแนวทางและมาตราการเกี่ยวกับการชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระให้แก่รัฐวิสาหกิจโดยไม่ต้องลดค่าใช้จ่ายลงร้อยละ 5 และให้ถือว่าเป็นวงเงินงบประมาณสูงสุดที่มหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษาควรจะได้รับจัดสรร หากมีการใช้จ่ายค่าสาธารณูปโภคเกินกว่าจำนวนดังกล่าว ให้เป็นภาระที่มหาวิทยาลัย/สถาบันอุดมศึกษาจะต้องรับผิดชอบในการชำระค่าสาธารณูปโภคด้วยเงิน รายได้ให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณนั้นๆ อย่างเคร่งครัด โดยไม่ให้มีหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระ ทั้งนี้ ควรจะได้มีการจัดกลุ่มมหาวิทยาลัย/สถาบันอุดมศึกษาโดยคำนึงถึงความเหมาะสมและขีดความสามารถของแต่ละหน่วยงานที่จะร่วมรับภาระค่าใช้จ่ายค่าสาธารณุปโภคมาประกอบการพิจารณาในขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณค่าสาธารณูปโภคด้วย
2. อนุมัติให้มหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษาได้รับการจัดสรรงบประมาณค่าสาธารณูปโภคโดยรวม ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2549 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,097,160,000 บาท เพิ่มจากที่ได้จัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เป็นจำนวน 193,660,000 บาท หรือร้อยละ 10.17 โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรให้แต่ละมหาวิทยาลัย โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและขีดความสามารถของแต่ละหน่วยงานที่จะร่วมรับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีภาระที่ทำให้ค่าใช้จ่ายตามวงเงินดังกล่าวเปลี่ยนไป ให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมเพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นภาระในการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในเรื่องดังกล่าวอีก
3. อนุมัติในหลักการให้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมได้ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายหนี้ค่าสาธารณูปโภคที่ค้างชำระของมหาวิทยาลัย/สถาบันอุดมศึกษา ก่อนปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 โดยให้กระทรวงศึกษาธิการรวบรวมข้อมูลให้มีความชัดเจนและขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
กระทรวงศึกษาธิการเสนอรายงานว่า
1. มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ขอให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณ เงินงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าสาธารณูปโภคที่ค้างจ่ายของมหาวิทยาลัย เนื่องจากได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายจริง
2. สำนักงบประมาณแจ้งว่า เงินงบกลางฯ มีจำนวนจำกัดและยังมีภารกิจในด้านอื่นๆ ที่จำเป็นเร่งด่วนรอการจัดสรรอีกเป็นจำนวนมาก ขอให้มหาวิทยาลัยนเรศวรใช้เงินรายได้หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พ.ศ. 2547 ก่อน และเสนอแนะให้สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ รวบรวมปัญหาค่าสาธารณูปโภคของสถาบันอุดมศึกษาในสังกัด นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอรับทราบนโยบายและแนวทางแก้ไขในภาพรวมต่อไป
3. สำนักงานคณะกรรมการดารอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของสำนัก งบประมาณในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับงบประมาณค่าสาธารณูปโภคที่ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายจริงดังนี้
3.1 นำเงินรายได้ เงินนอกงบประมาณ และเงินเหลือจ่ายในแต่ละปีงบประมาณมาสมทบเพื่อชำระหนี้
3.2 มีมาตรการประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าสาธารณูปโภคทุกประเภท โดยให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และมีการรณรงค์ขอความร่วมมือทุกคนที่เกี่ยวข้องช่วยกันประหยัด
3.3 ติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงานหรือวิธีการอื่นเพื่อให้เกิดการใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.4 ปรับแผนการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายเงินงบประมาณเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น
4. กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาแล้วเห็นว่าสถาบันอุดมศึกษาได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของสำนักงบประมาณตามข้อ 3 แล้ว แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ และทำให้เสียโอกาสในการพัฒนากิจกรรมด้านอื่นๆ ที่วางแผนไว้ และสถาบันอุดมศึกษาอีกหลายแห่ง ยังมีหนี้ค้างชำระค่าสาธารณูปโภคโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าเป็นเงินจำนวนมาก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 ธันวาคม 2547--จบ--
1. อนุมัติให้มหาวิทยาลัย/สถาบันอุดมศึกษาได้รับการจัดสรรงบประมาณค่าสาธารณูปโภคโดยรวมในอัตราร้อยละ 75 ของค่าสาธารณูปโภคที่จ่ายจริงประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2546 ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 โดยผ่อนผันให้ไม่ต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 เรื่อง การปรับปรุงแนวทางและมาตราการเกี่ยวกับการชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระให้แก่รัฐวิสาหกิจโดยไม่ต้องลดค่าใช้จ่ายลงร้อยละ 5 และให้ถือว่าเป็นวงเงินงบประมาณสูงสุดที่มหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษาควรจะได้รับจัดสรร หากมีการใช้จ่ายค่าสาธารณูปโภคเกินกว่าจำนวนดังกล่าว ให้เป็นภาระที่มหาวิทยาลัย/สถาบันอุดมศึกษาจะต้องรับผิดชอบในการชำระค่าสาธารณูปโภคด้วยเงิน รายได้ให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณนั้นๆ อย่างเคร่งครัด โดยไม่ให้มีหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระ ทั้งนี้ ควรจะได้มีการจัดกลุ่มมหาวิทยาลัย/สถาบันอุดมศึกษาโดยคำนึงถึงความเหมาะสมและขีดความสามารถของแต่ละหน่วยงานที่จะร่วมรับภาระค่าใช้จ่ายค่าสาธารณุปโภคมาประกอบการพิจารณาในขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณค่าสาธารณูปโภคด้วย
2. อนุมัติให้มหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษาได้รับการจัดสรรงบประมาณค่าสาธารณูปโภคโดยรวม ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2549 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,097,160,000 บาท เพิ่มจากที่ได้จัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เป็นจำนวน 193,660,000 บาท หรือร้อยละ 10.17 โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรให้แต่ละมหาวิทยาลัย โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและขีดความสามารถของแต่ละหน่วยงานที่จะร่วมรับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีภาระที่ทำให้ค่าใช้จ่ายตามวงเงินดังกล่าวเปลี่ยนไป ให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมเพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นภาระในการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในเรื่องดังกล่าวอีก
3. อนุมัติในหลักการให้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมได้ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายหนี้ค่าสาธารณูปโภคที่ค้างชำระของมหาวิทยาลัย/สถาบันอุดมศึกษา ก่อนปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 โดยให้กระทรวงศึกษาธิการรวบรวมข้อมูลให้มีความชัดเจนและขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
กระทรวงศึกษาธิการเสนอรายงานว่า
1. มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ขอให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณ เงินงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าสาธารณูปโภคที่ค้างจ่ายของมหาวิทยาลัย เนื่องจากได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายจริง
2. สำนักงบประมาณแจ้งว่า เงินงบกลางฯ มีจำนวนจำกัดและยังมีภารกิจในด้านอื่นๆ ที่จำเป็นเร่งด่วนรอการจัดสรรอีกเป็นจำนวนมาก ขอให้มหาวิทยาลัยนเรศวรใช้เงินรายได้หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พ.ศ. 2547 ก่อน และเสนอแนะให้สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ รวบรวมปัญหาค่าสาธารณูปโภคของสถาบันอุดมศึกษาในสังกัด นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอรับทราบนโยบายและแนวทางแก้ไขในภาพรวมต่อไป
3. สำนักงานคณะกรรมการดารอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของสำนัก งบประมาณในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับงบประมาณค่าสาธารณูปโภคที่ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายจริงดังนี้
3.1 นำเงินรายได้ เงินนอกงบประมาณ และเงินเหลือจ่ายในแต่ละปีงบประมาณมาสมทบเพื่อชำระหนี้
3.2 มีมาตรการประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าสาธารณูปโภคทุกประเภท โดยให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และมีการรณรงค์ขอความร่วมมือทุกคนที่เกี่ยวข้องช่วยกันประหยัด
3.3 ติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงานหรือวิธีการอื่นเพื่อให้เกิดการใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.4 ปรับแผนการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายเงินงบประมาณเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น
4. กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาแล้วเห็นว่าสถาบันอุดมศึกษาได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของสำนักงบประมาณตามข้อ 3 แล้ว แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ และทำให้เสียโอกาสในการพัฒนากิจกรรมด้านอื่นๆ ที่วางแผนไว้ และสถาบันอุดมศึกษาอีกหลายแห่ง ยังมีหนี้ค้างชำระค่าสาธารณูปโภคโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าเป็นเงินจำนวนมาก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 ธันวาคม 2547--จบ--