คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการออมตามที่กระทรวงการคลังเสนอและให้ดำเนินการต่อไปดังนี้
กระทรวงการคลังเสนอว่า เพื่อสนับสนุนนโยบายส่งเสริมการออมระยะยาวของรัฐบาลให้มุ่งเน้นไปที่ผู้มีเงินได้ที่อยู่ในวัยหลังเกษียณอายุ ตลอดจนเพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีดอกเบี้ยเงินฝากให้แก่ผู้อยู่ในวัยดังกล่าว กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เห็นสมควรมีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในการส่งเสริมการออมดังกล่าว ภายใต้หลักการและแนวทางการปรับปรุงกฎหมาย ดังนี้
1. หลักการ
(1) ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้พึงประเมินที่เป็นดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักร ประเภทเงินฝากประจำที่มีระยะเวลาการฝากตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากประจำในจำนวนรวมกันทั้งสิ้นไม่เกิน 30,000 บาทตลอดปีภาษี
(2) ผู้มีเงินได้ที่ได้รับสิทธิดังกล่าวต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ เพื่อให้มีความต่อเนื่องกับมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวที่ผ่านมา
2. แนวทางการปรับปรุงกฎหมาย การยกเว้นภาษีข้างต้นจะต้องมีการออกกฎหมาย ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร และภายหลังจากวันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับแล้ว กรมสรรพากรจะต้องมีการออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการได้รับสิทธิประโยชน์ให้สอดคล้องกันไปด้วย
ทั้งนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมิน ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป
การวิเคราะห์ผลกระทบ การดำเนินการข้างต้นมีผลกระทบดังนี้
1. การยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับดอกเบี้ยเงินฝากประจำในจำนวนรวมกันไม่เกิน 30,000 บาทตลอดปีภาษีนั้น จะช่วยบรรเทาภาระภาษีให้กับผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ ให้มีรายได้จากการออมเงินเพิ่มขึ้น
2. การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีข้างต้น จะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์
นำเงินไปฝากไว้กับธนาคารในบัญชีประเภทเงินฝากประจำที่มีระยะเวลาการฝากตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปมากขึ้น อันจะส่งผลให้มีการออมในระยะยาวเพิ่มขึ้น และเป็นผลดีต่อการลงทุนของประเทศ
3. มาตรการนี้จะมีส่วนช่วยให้ผู้ที่อยู่ในวัยทำงานมีการออมต่อเนื่องไปสู่ช่วงหลังเกษียณอายุ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นทางเลือกแก่ผู้อยู่ในวัยหลังเกษียณที่พึ่งพารายได้จากดอกเบี้ยเป็นหลัก
4. ในส่วนของผลกระทบต่อรายได้ของรัฐบาลเห็นว่าจะมีผลกระทบต่อการจัดเก็บภาษีประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนภาษีที่จัดเก็บได้จากดอกเบี้ยที่เกิดจากการออมทั้งระบบอย่างไรก็ดีผลของมาตรการจะช่วยให้เกิดการขยายตัวด้านการออมระยะยาวและการลงทุนในภาพรวม ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจัดเก็บภาษีและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในระยะยาวต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้บุคคลธรรมดาที่ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักรประเภทเงินฝากประจำ ต้องถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 15 ของดอกเบี้ยที่ได้รับ และผู้ที่ได้รับดอกเบี้ยดังกล่าว มีสิทธิเลือกที่จะเสียภาษีในอัตราร้อยละ 15 ตามที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้หรือจะนำดอกเบี้ยที่ได้รับไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อื่นๆ (ถ้ามี) ตามปกติเมื่อสิ้นปีก็ได้ อย่างไรก็ดี ในระยะที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้มีการออกมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวในหลายช่องทาง เช่น ในกรณีของภาคเอกชนได้มีการยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ลูกจ้างได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเมื่อลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ สำหรับภาครัฐได้มีการยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการได้รับจากกองทุนฯ เมื่อสมาชิกนั้นออกจากราชการเพราะเหตุสูงอายุด้วยเช่นกัน ในส่วนของการฝากเงินได้มีการลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายเหลือร้อยละ 10 ของเงินได้จากดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 5 ปีขึ้นไป โดยจะถอนเงินฝากนั้นได้ก็ต่อเมื่อใช้เพื่อการศึกษา ใช้เพื่อที่อยู่อาศัย หรือเมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ เป็นต้น ซึ่งมาตรการที่ผ่านมาข้างต้นยังไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ผู้มีเงินได้ที่อยู่ในวัยหลังเกษียณอายุโดยเฉพาะ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 ธันวาคม 2547--จบ--
กระทรวงการคลังเสนอว่า เพื่อสนับสนุนนโยบายส่งเสริมการออมระยะยาวของรัฐบาลให้มุ่งเน้นไปที่ผู้มีเงินได้ที่อยู่ในวัยหลังเกษียณอายุ ตลอดจนเพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีดอกเบี้ยเงินฝากให้แก่ผู้อยู่ในวัยดังกล่าว กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เห็นสมควรมีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในการส่งเสริมการออมดังกล่าว ภายใต้หลักการและแนวทางการปรับปรุงกฎหมาย ดังนี้
1. หลักการ
(1) ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้พึงประเมินที่เป็นดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักร ประเภทเงินฝากประจำที่มีระยะเวลาการฝากตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากประจำในจำนวนรวมกันทั้งสิ้นไม่เกิน 30,000 บาทตลอดปีภาษี
(2) ผู้มีเงินได้ที่ได้รับสิทธิดังกล่าวต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ เพื่อให้มีความต่อเนื่องกับมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวที่ผ่านมา
2. แนวทางการปรับปรุงกฎหมาย การยกเว้นภาษีข้างต้นจะต้องมีการออกกฎหมาย ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร และภายหลังจากวันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับแล้ว กรมสรรพากรจะต้องมีการออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการได้รับสิทธิประโยชน์ให้สอดคล้องกันไปด้วย
ทั้งนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมิน ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป
การวิเคราะห์ผลกระทบ การดำเนินการข้างต้นมีผลกระทบดังนี้
1. การยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับดอกเบี้ยเงินฝากประจำในจำนวนรวมกันไม่เกิน 30,000 บาทตลอดปีภาษีนั้น จะช่วยบรรเทาภาระภาษีให้กับผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ ให้มีรายได้จากการออมเงินเพิ่มขึ้น
2. การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีข้างต้น จะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์
นำเงินไปฝากไว้กับธนาคารในบัญชีประเภทเงินฝากประจำที่มีระยะเวลาการฝากตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปมากขึ้น อันจะส่งผลให้มีการออมในระยะยาวเพิ่มขึ้น และเป็นผลดีต่อการลงทุนของประเทศ
3. มาตรการนี้จะมีส่วนช่วยให้ผู้ที่อยู่ในวัยทำงานมีการออมต่อเนื่องไปสู่ช่วงหลังเกษียณอายุ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นทางเลือกแก่ผู้อยู่ในวัยหลังเกษียณที่พึ่งพารายได้จากดอกเบี้ยเป็นหลัก
4. ในส่วนของผลกระทบต่อรายได้ของรัฐบาลเห็นว่าจะมีผลกระทบต่อการจัดเก็บภาษีประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนภาษีที่จัดเก็บได้จากดอกเบี้ยที่เกิดจากการออมทั้งระบบอย่างไรก็ดีผลของมาตรการจะช่วยให้เกิดการขยายตัวด้านการออมระยะยาวและการลงทุนในภาพรวม ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจัดเก็บภาษีและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในระยะยาวต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้บุคคลธรรมดาที่ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักรประเภทเงินฝากประจำ ต้องถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 15 ของดอกเบี้ยที่ได้รับ และผู้ที่ได้รับดอกเบี้ยดังกล่าว มีสิทธิเลือกที่จะเสียภาษีในอัตราร้อยละ 15 ตามที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้หรือจะนำดอกเบี้ยที่ได้รับไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อื่นๆ (ถ้ามี) ตามปกติเมื่อสิ้นปีก็ได้ อย่างไรก็ดี ในระยะที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้มีการออกมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวในหลายช่องทาง เช่น ในกรณีของภาคเอกชนได้มีการยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ลูกจ้างได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเมื่อลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ สำหรับภาครัฐได้มีการยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการได้รับจากกองทุนฯ เมื่อสมาชิกนั้นออกจากราชการเพราะเหตุสูงอายุด้วยเช่นกัน ในส่วนของการฝากเงินได้มีการลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายเหลือร้อยละ 10 ของเงินได้จากดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 5 ปีขึ้นไป โดยจะถอนเงินฝากนั้นได้ก็ต่อเมื่อใช้เพื่อการศึกษา ใช้เพื่อที่อยู่อาศัย หรือเมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ เป็นต้น ซึ่งมาตรการที่ผ่านมาข้างต้นยังไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ผู้มีเงินได้ที่อยู่ในวัยหลังเกษียณอายุโดยเฉพาะ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 ธันวาคม 2547--จบ--