ทำเนียบรัฐบาล--21 เม.ย.--บิสนิวส์
คณะกรรมการกลั่นกรองฝ่ายเศรษฐกิจเห็นชอบ มติของคณะกรรมการประสานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ครั้งที่ กพบ. 1/2540 รวม 7 เรื่อง ดังนี้
1. การกำหนดท่าทีไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรีและระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสครั้งที่ 6 โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย โดยเห็นชอบประเด็นท่าทีฝ่ายไทยรายสาขาทั้ง 9 สาขา และข้อเสนอแนะท่าทีฝ่ายไทยเพิ่มเติม ดังนี้
(1) สาขาสื่อสารคมนาคม : โดยกรมไปรษณีย์โทรเลข การสื่อสารแห่งประเทศไทย และองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงานหลัก
- สนับสนุนการจัดตั้ง STZ ในพื้นที่ IMT-GT และเห็นควรเร่งรัดศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้ง STZ ในพื้นที่ IMT-GT โดยมอบหมายให้กรมไปรษณีย์โทรเลข กรมประชาสัมพันธ์ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และการสื่อสารแห่งประเทศไทย ร่วมกำหนดแนวทางและมาตรการเพื่อรองรับการจัดตั้ง STZ
(2) สาขาการขนส่งทางบกและทางน้ำ : โดยกระทรวงคมนาคม เป็นหน่วยงานหลัก
- สนับสนุนโครงการถนนสตูล-เปอร์ลิส และเห็นควรเร่งรัดการก่อสร้างสะพานเชื่อมระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่บ้านบูเก๊ะตา
- สนับสนุนโครงการ IMT-GT Landbridge เชื่อมโยงท่าเรือปีนัง-สงขลา โดยใช้ระบบถนนและการขนส่งทางรถไฟของไทยและมาเลเซียที่มีอยู่แล้ว
- สนับสนุนการจัดตั้งทำเนียบท่าเรือและโรงพักสินค้า (ICD) ในส่วนภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ จังหวัดสงขลา
(3) สาขาขนส่งทางอากาศ : โดยกระทรวงคมนาคม เป็นหน่วยงานหลัก
- ส่งเสริมให้มีการแข่งขันประกอบการเสรีด้านการบิน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่ตลาดได้
- สนับสนุนการร่วมมือด้านการส่งต่อคนโดยสารและสินค้า และจัดเที่ยวบินบริการให้สอดคล้องกันของสายการบิน
- ลดอุปสรรคและอำนวยความสะดวกแก่สายการบินเอกชน
(4) สาขาการท่องเที่ยว : โดยการท่องเที่ยวเป็นหน่วยงานหลัก
- เร่งรัดทางมาเลเซียขยายเวลาเปิดด่าน 24 ชั่วโมงทุกด่าน โดยเฉพาะการพิจารณาเปิดด่านเบตง-บางกาลันฮูลู ออกไป 3 ชั่วโมง เหมือน 3 ด่านแรกที่ได้ดำเนินการแล้ว
- เร่งรัดให้ทางอินโดนีเซียพิจารณาผ่อนผันเรื่องภาษีขาออก (Exit Tax หรือ Fiscal Clearance)
- ขอการสนับสนุนจากมาเลเซียและอินโดนีเซีย ในการอำนวยความสะดวกตามเส้นทางโครงการคาราวานมิตรภาพสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ที่จะมีขึ้นเดือน พฤษภาคม 2540
(5) สาขาการเกษตรและประมง : โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลัก
- เร่งรัดโครงการความร่วมมือด้านการจัดตั้งตลาดกลางร่วมตามแนวชายแดน โดยไทยเสนอพื้นที่บริเวณด่านสะเดาหรือปาดังเบซาร์
- เร่งรัดโครงการความร่วมมือการลงทุนด้านปศุสัตว์ โดยเฉพาะการลงทุนจากมาเลเซียด้านการเลี้ยง โคเนื้อ กระบือ เพื่อส่งออกไปมาเลเซีย
- เร่งรัดโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาการเกษตรและประมงในประเทศอินโดนีเซีย โดยเฉพาะที่เกาะสุมาตรา และช่องแคบมะละกา
(6) สาขาการค้า การลงทุน การเงิน และอุตสาหกรรม : โดยกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นหน่วยงานหลัก
- สนับสนุนการจัดตั้งสถาบันการเงินที่ใช้หลักศาสนาอิสลาม (Islamic Bank) ในพื้นที่ 5 จังหวัด ชายแดนภาคใต้
- สนับสนุนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจตามแนวชายแดน (Cross Border Economic Zone)
(7) สาขาทรัพยากรมนุษย์และการเคลื่อนย้ายแรงงาน : โดยกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และกรมวิเทศสหการ เป็นหน่วยงานหลัก
- สนับสนุนการพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดพื้นที่ IMT-GT เป็นหลัก
- ควรมีการประสานงานระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในพื้นที่ IMT-GT
(8) สาขาพลังงาน : การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงานหลัก
- ยืนยันนโยบายของรัฐบาลไทยที่สนับสนุนภาคเอกชนผลิตไฟฟ้า โดยต้องเป็นไปตามขั้นตอนและเงื่อนไขของการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP)
- สนับสนุนการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากก๊าซแหล่งใหม่ร่วมกันระหว่างไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
- การเจรจาซื้อขายก๊าซจากแหล่ง JDA ซึ่งไทยมีกรรมสิทธิ์ร่วมร้อยละ 50 ควรยึดราคาซื้อขายก๊าซในอ่าวไทยเป็นเกณฑ์เจรจา หรือแนวทางที่เป็นมาตรฐานสากล
(9) สาขาศุลกากร : โดยกรมศุลกากรเป็นหน่วยงานหลัก
- เห็นชอบในหลักการตรวจปล่อย ณ จุดเดียว และการใช้แบบฟอร์มใบขนสินค้าฉบับเดียวกัน
- เห็นควรเน้นย้ำให้มาเลเซียปฏิบัติพิธีศุลกากร โดยไม่เปิดตรวจสินค้าที่ได้รับการประทับตราศุลกากรที่ปิดผนึกแล้ว ในการขนส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อส่งออกผ่านด่านศุลกากรบูกิตกายู ฮิตัม และปาดังเบซาร์ ไปยังท่าเรือปีนัง หรือประเทศที่สาม
- สนับสนุนการนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในพิธีการศุลกากรร่วมกัน
ทั้งนี้ เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมประเด็นท่าทีฝ่ายไทยเพิ่มเติม เพื่อเตรียมการเข้าร่วมประชุมไตรภาคี ครั้งที่ 6 โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย ระหว่างวันที่ 17 - 20 มีนาคม 2540 ที่ประเทศอินโดนีเซีย
การรวมจังหวัดภูเก็ตเข้าในโครงการข่ายการบิน IMT-GT เห็นควรไม่รวมจังหวัดภูเก็ตเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่โครงการ IMT-GT โดยให้เน้นการพัฒนาเฉพาะในส่วนของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เต็มศักยภาพก่อน
3. โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อระหว่างมุกดาหาร (ไทย) - สะหวันนะเขต (สปป.ลาว) และเชื่อมระหว่างเชียงของ จ.เชียงราย (ไทย) - บ้านห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว (สปป.ลาว) เห็นควรให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำชายแดนต่าง ๆ ทั้งหมดที่จะมีการตกลงกันภายใต้โครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อทำหน้าที่บริหารการก่อสร้างสะพาน พิจารณาและกำหนด แนวทางการตกลงในเรื่องรูปแบบการลงทุนแหล่งรูปแบบสะพาน พร้อมทั้งติดตามเร่งรัดการดำเนินการให้สะพานที่สร้างเสร็จสามารถใช้งานได้ และมอบหมายให้กรมทางหลวงเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบเกี่ยวกับการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำตามชายแดนต่าง ๆ ต่อไป
4. แนวทางการจัดทำข้อตกลงโครงการสำหรับการให้ความช่วยเหลือกับประเทศเพื่อนบ้าน เห็นชอบให้โครงการความร่วมมือของกรมวิเทศสหการ ซึ่งเป็นความร่วมมือทางวิชาการในลักษณะทวิภาคี ไม่ครอบคลุมอยู่ในแผนงาน/โครงการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย การพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน พ.ศ. 2538
5. การประชุมคณะทำงานด้านการท่องเที่ยว โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย และการประชุมคณะทำงานด้านการสื่อสารโทรคมนาคม โครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการให้ใช้เงินงบประมาณจากงบกลางปี 2540 สำหรับการประชุมคณะทำงาน ดังนี้ (1) คณะทำงานด้านการท่องเที่ยว โครงการ IMT-GT จำนวน 949,040 บาท (2) คณะทำงานสื่อสารโทรคมนาคม GMS จำนวน 423,190 บาท และมอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกรมไปรษณีย์โทรเลข ประสานงานเพื่อทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
6. การจัดตั้งคณะอนุกรรมการฯ รายสาขาของ กพบ. ที่ประชุมเห็นชอบให้จัดทำร่างคำสั่ง คณะอนุกรรมการรายสาขาภายใต้ กพบ. เสนอประธาน กพบ. เพื่อลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง ประกอบด้วย
(1) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การเงิน และอุตสาหกรรมกับประเทศเพื่อนบ้าน
(2) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือด้านการขนส่งกับประเทศเพื่อนบ้าน
(3) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมกับประเทศเพื่อนบ้าน
(4) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือทางการเกษตรและประมงกับประเทศเพื่อนบ้าน
(5) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน
(6) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือด้านพลังงานกับประเทศเพื่อนบ้าน
(7) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์กับประเทศเพื่อนบ้าน
(8) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือด้านการให้ความช่วยเหลือกับประเทศเพื่อนบ้าน
(9) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือด้านศุลกากรกับประเทศเพื่อนบ้าน
7. องค์การการบริหารและจัดการด้านการให้ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ศึกษารูปโครงสร้างองค์กรการบริหารและจัดการด้านการให้ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและนำเสนอคณะกรรมการกพบ. เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 21 เมษายน 2540--
คณะกรรมการกลั่นกรองฝ่ายเศรษฐกิจเห็นชอบ มติของคณะกรรมการประสานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ครั้งที่ กพบ. 1/2540 รวม 7 เรื่อง ดังนี้
1. การกำหนดท่าทีไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรีและระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสครั้งที่ 6 โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย โดยเห็นชอบประเด็นท่าทีฝ่ายไทยรายสาขาทั้ง 9 สาขา และข้อเสนอแนะท่าทีฝ่ายไทยเพิ่มเติม ดังนี้
(1) สาขาสื่อสารคมนาคม : โดยกรมไปรษณีย์โทรเลข การสื่อสารแห่งประเทศไทย และองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงานหลัก
- สนับสนุนการจัดตั้ง STZ ในพื้นที่ IMT-GT และเห็นควรเร่งรัดศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้ง STZ ในพื้นที่ IMT-GT โดยมอบหมายให้กรมไปรษณีย์โทรเลข กรมประชาสัมพันธ์ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และการสื่อสารแห่งประเทศไทย ร่วมกำหนดแนวทางและมาตรการเพื่อรองรับการจัดตั้ง STZ
(2) สาขาการขนส่งทางบกและทางน้ำ : โดยกระทรวงคมนาคม เป็นหน่วยงานหลัก
- สนับสนุนโครงการถนนสตูล-เปอร์ลิส และเห็นควรเร่งรัดการก่อสร้างสะพานเชื่อมระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่บ้านบูเก๊ะตา
- สนับสนุนโครงการ IMT-GT Landbridge เชื่อมโยงท่าเรือปีนัง-สงขลา โดยใช้ระบบถนนและการขนส่งทางรถไฟของไทยและมาเลเซียที่มีอยู่แล้ว
- สนับสนุนการจัดตั้งทำเนียบท่าเรือและโรงพักสินค้า (ICD) ในส่วนภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ จังหวัดสงขลา
(3) สาขาขนส่งทางอากาศ : โดยกระทรวงคมนาคม เป็นหน่วยงานหลัก
- ส่งเสริมให้มีการแข่งขันประกอบการเสรีด้านการบิน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่ตลาดได้
- สนับสนุนการร่วมมือด้านการส่งต่อคนโดยสารและสินค้า และจัดเที่ยวบินบริการให้สอดคล้องกันของสายการบิน
- ลดอุปสรรคและอำนวยความสะดวกแก่สายการบินเอกชน
(4) สาขาการท่องเที่ยว : โดยการท่องเที่ยวเป็นหน่วยงานหลัก
- เร่งรัดทางมาเลเซียขยายเวลาเปิดด่าน 24 ชั่วโมงทุกด่าน โดยเฉพาะการพิจารณาเปิดด่านเบตง-บางกาลันฮูลู ออกไป 3 ชั่วโมง เหมือน 3 ด่านแรกที่ได้ดำเนินการแล้ว
- เร่งรัดให้ทางอินโดนีเซียพิจารณาผ่อนผันเรื่องภาษีขาออก (Exit Tax หรือ Fiscal Clearance)
- ขอการสนับสนุนจากมาเลเซียและอินโดนีเซีย ในการอำนวยความสะดวกตามเส้นทางโครงการคาราวานมิตรภาพสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ที่จะมีขึ้นเดือน พฤษภาคม 2540
(5) สาขาการเกษตรและประมง : โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลัก
- เร่งรัดโครงการความร่วมมือด้านการจัดตั้งตลาดกลางร่วมตามแนวชายแดน โดยไทยเสนอพื้นที่บริเวณด่านสะเดาหรือปาดังเบซาร์
- เร่งรัดโครงการความร่วมมือการลงทุนด้านปศุสัตว์ โดยเฉพาะการลงทุนจากมาเลเซียด้านการเลี้ยง โคเนื้อ กระบือ เพื่อส่งออกไปมาเลเซีย
- เร่งรัดโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาการเกษตรและประมงในประเทศอินโดนีเซีย โดยเฉพาะที่เกาะสุมาตรา และช่องแคบมะละกา
(6) สาขาการค้า การลงทุน การเงิน และอุตสาหกรรม : โดยกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นหน่วยงานหลัก
- สนับสนุนการจัดตั้งสถาบันการเงินที่ใช้หลักศาสนาอิสลาม (Islamic Bank) ในพื้นที่ 5 จังหวัด ชายแดนภาคใต้
- สนับสนุนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจตามแนวชายแดน (Cross Border Economic Zone)
(7) สาขาทรัพยากรมนุษย์และการเคลื่อนย้ายแรงงาน : โดยกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และกรมวิเทศสหการ เป็นหน่วยงานหลัก
- สนับสนุนการพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดพื้นที่ IMT-GT เป็นหลัก
- ควรมีการประสานงานระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในพื้นที่ IMT-GT
(8) สาขาพลังงาน : การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงานหลัก
- ยืนยันนโยบายของรัฐบาลไทยที่สนับสนุนภาคเอกชนผลิตไฟฟ้า โดยต้องเป็นไปตามขั้นตอนและเงื่อนไขของการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP)
- สนับสนุนการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากก๊าซแหล่งใหม่ร่วมกันระหว่างไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
- การเจรจาซื้อขายก๊าซจากแหล่ง JDA ซึ่งไทยมีกรรมสิทธิ์ร่วมร้อยละ 50 ควรยึดราคาซื้อขายก๊าซในอ่าวไทยเป็นเกณฑ์เจรจา หรือแนวทางที่เป็นมาตรฐานสากล
(9) สาขาศุลกากร : โดยกรมศุลกากรเป็นหน่วยงานหลัก
- เห็นชอบในหลักการตรวจปล่อย ณ จุดเดียว และการใช้แบบฟอร์มใบขนสินค้าฉบับเดียวกัน
- เห็นควรเน้นย้ำให้มาเลเซียปฏิบัติพิธีศุลกากร โดยไม่เปิดตรวจสินค้าที่ได้รับการประทับตราศุลกากรที่ปิดผนึกแล้ว ในการขนส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อส่งออกผ่านด่านศุลกากรบูกิตกายู ฮิตัม และปาดังเบซาร์ ไปยังท่าเรือปีนัง หรือประเทศที่สาม
- สนับสนุนการนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในพิธีการศุลกากรร่วมกัน
ทั้งนี้ เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมประเด็นท่าทีฝ่ายไทยเพิ่มเติม เพื่อเตรียมการเข้าร่วมประชุมไตรภาคี ครั้งที่ 6 โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย ระหว่างวันที่ 17 - 20 มีนาคม 2540 ที่ประเทศอินโดนีเซีย
การรวมจังหวัดภูเก็ตเข้าในโครงการข่ายการบิน IMT-GT เห็นควรไม่รวมจังหวัดภูเก็ตเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่โครงการ IMT-GT โดยให้เน้นการพัฒนาเฉพาะในส่วนของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เต็มศักยภาพก่อน
3. โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อระหว่างมุกดาหาร (ไทย) - สะหวันนะเขต (สปป.ลาว) และเชื่อมระหว่างเชียงของ จ.เชียงราย (ไทย) - บ้านห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว (สปป.ลาว) เห็นควรให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำชายแดนต่าง ๆ ทั้งหมดที่จะมีการตกลงกันภายใต้โครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อทำหน้าที่บริหารการก่อสร้างสะพาน พิจารณาและกำหนด แนวทางการตกลงในเรื่องรูปแบบการลงทุนแหล่งรูปแบบสะพาน พร้อมทั้งติดตามเร่งรัดการดำเนินการให้สะพานที่สร้างเสร็จสามารถใช้งานได้ และมอบหมายให้กรมทางหลวงเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบเกี่ยวกับการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำตามชายแดนต่าง ๆ ต่อไป
4. แนวทางการจัดทำข้อตกลงโครงการสำหรับการให้ความช่วยเหลือกับประเทศเพื่อนบ้าน เห็นชอบให้โครงการความร่วมมือของกรมวิเทศสหการ ซึ่งเป็นความร่วมมือทางวิชาการในลักษณะทวิภาคี ไม่ครอบคลุมอยู่ในแผนงาน/โครงการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย การพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน พ.ศ. 2538
5. การประชุมคณะทำงานด้านการท่องเที่ยว โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย และการประชุมคณะทำงานด้านการสื่อสารโทรคมนาคม โครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการให้ใช้เงินงบประมาณจากงบกลางปี 2540 สำหรับการประชุมคณะทำงาน ดังนี้ (1) คณะทำงานด้านการท่องเที่ยว โครงการ IMT-GT จำนวน 949,040 บาท (2) คณะทำงานสื่อสารโทรคมนาคม GMS จำนวน 423,190 บาท และมอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกรมไปรษณีย์โทรเลข ประสานงานเพื่อทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
6. การจัดตั้งคณะอนุกรรมการฯ รายสาขาของ กพบ. ที่ประชุมเห็นชอบให้จัดทำร่างคำสั่ง คณะอนุกรรมการรายสาขาภายใต้ กพบ. เสนอประธาน กพบ. เพื่อลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง ประกอบด้วย
(1) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การเงิน และอุตสาหกรรมกับประเทศเพื่อนบ้าน
(2) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือด้านการขนส่งกับประเทศเพื่อนบ้าน
(3) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมกับประเทศเพื่อนบ้าน
(4) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือทางการเกษตรและประมงกับประเทศเพื่อนบ้าน
(5) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน
(6) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือด้านพลังงานกับประเทศเพื่อนบ้าน
(7) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์กับประเทศเพื่อนบ้าน
(8) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือด้านการให้ความช่วยเหลือกับประเทศเพื่อนบ้าน
(9) คณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือด้านศุลกากรกับประเทศเพื่อนบ้าน
7. องค์การการบริหารและจัดการด้านการให้ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ศึกษารูปโครงสร้างองค์กรการบริหารและจัดการด้านการให้ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและนำเสนอคณะกรรมการกพบ. เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 21 เมษายน 2540--