แท็ก
นายกรัฐมนตรี
ทำเนียบรัฐบาล--22 ส.ค.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจมีมติให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำนินการ ซึ่ง มาตรการเพื่อสนับสนุนนโยบายทางด้านเศรษฐกิจอันเป็นการเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุน และแก้ไข ปัญหาเศรษฐกิจให้แก่ผู้ลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอำนวย วีรวรรณ) เสนอ ดังนี้
1. จัดทำโครงการ "ชูเศรษฐกิจไทยในสากล" โดยมีแผนงานพิเศษเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวจากต่างประเทศในปี 2539 เพื่อเฉลิมฉลองการครองราชย์ 50 ปี
2. สร้างจุดเด่นให้กับประเทศไทย ในการประชุมระดับสุดยอดของ APEC ที่ Osaka ใน เดือนพฤศจิกายน 2538 และในฐานะเจ้าภาพการประชุม ASEAN - EU SUMMIT ที่กรุงเทพฯ ในเดือน มีนาคม 2539
3.สร้างบทบาทนำหรือบทสร้างสรรค์ในด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศ โดยเฉพาะในการประชุม ASEAN SUMMIT, ASEAN ECONOMIC MINISTERS, AFTA
4.หารูปแบบที่ทำให้การเจรจาการค้ากับต่างประเทศซึ่งปัจจุบันเป็นหน้าที่ของกระทรวง พาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการคลัง เพื่อสามารถทำให้นโยบายและการดำเนินงาน เป็นเอกภาพได้
5. เร่งรัดการดำเนินงานตามโครงการเหลี่ยมเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่จะต้องประสานงานร่วมมือ กับประเทศเพื่อนบ้าน คือ กลุ่มประเทศ 6 ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง และกลุ่มประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซียในภายใต้ เพื่อความเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้
6. สร้างบทบาทของประเทศไทยให้เห็นเด่นชัดในองค์กรการค้าของโลก (WTO) โดยเฉพาะ ในด้านการค้าสินค้าเกษตร
7. ปรับปรุงวิธีการประเมินภาษีศุลกากรให้เป็นมาตรฐานและเป็นธรรม
8. การทำความตกลงในสนธิสัญญาป้องกันการเก็บภาษีซ้อนกับต่างประเทศคู่ค้าลงทุนที่สำคัญ ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา
9.ปล่อยเสรีมากขึ้นในด้านการบินระหว่างประเทศ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ส่วนรวม โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวมากกว่าผลประโยชน์ขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง
10. ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวให้เหมาะสมสอดคล้อง กับนโยบายเศรษฐกิจเสรี
11. สังคายนาระบบคนเข้าเมือง เพื่อสนับสนุนให้ผู้ลงทุนชาวต่างประเทศเข้าประเทศ และ ดำเนินธุรกิจของตนได้สะดวกมากขึ้น
12. ปล่อยเสรีหรือผ่อนคลายข้อจำกัดให้ชาวต่างประเทศซื้อที่พักอาศัยประเภท condominium ได้
13. ส่งเสริมการผลิตอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มาจากการปศุสัตว์ ซึ่งเป็นปัญหาในด้านค่า ครองชีพอยู่ในปัจจุบัน โดยสนับสนุนให้มีการพัฒนาการผลิตอย่างครบวงจร
14. เลิกระบบการห้ามนำเข้าสินค้าทุกประเภท เว้นแต่เป็นการห้ามนำเข้าด้วยเหตุผลใน ด้านความั่นคงและปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายเศรษฐกิจเสรี และมีผลในด้านการลดราคาสินค้า และ ค่าครองชีพ
15. รีบปรุบปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการผูกขาดและการส่งเสริมการแข่งขันให้ เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก
16. เร่งรัดการดำเนินงานด้านการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม หรือเขตอุตสาหกรรม และสนับสนุน การลงทุนในนิคมหรือเขตดังกล่าว
17. ใช้มาตรการการคลัง เพื่อให้ภาคธุรกิจนำค่าใช้จ่ายในด้านการวิจัยและการพัฒนา (Research and Development) มาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีของประเทศ (ขณะนี้หักได้ 1.5 เท่า)
18. จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐบาลและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (กรอ.) เป็นประจำทุกเดือน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน
--ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)-วันที่ 21 สิงหาคม 2538--
คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจมีมติให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำนินการ ซึ่ง มาตรการเพื่อสนับสนุนนโยบายทางด้านเศรษฐกิจอันเป็นการเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุน และแก้ไข ปัญหาเศรษฐกิจให้แก่ผู้ลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอำนวย วีรวรรณ) เสนอ ดังนี้
1. จัดทำโครงการ "ชูเศรษฐกิจไทยในสากล" โดยมีแผนงานพิเศษเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวจากต่างประเทศในปี 2539 เพื่อเฉลิมฉลองการครองราชย์ 50 ปี
2. สร้างจุดเด่นให้กับประเทศไทย ในการประชุมระดับสุดยอดของ APEC ที่ Osaka ใน เดือนพฤศจิกายน 2538 และในฐานะเจ้าภาพการประชุม ASEAN - EU SUMMIT ที่กรุงเทพฯ ในเดือน มีนาคม 2539
3.สร้างบทบาทนำหรือบทสร้างสรรค์ในด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศ โดยเฉพาะในการประชุม ASEAN SUMMIT, ASEAN ECONOMIC MINISTERS, AFTA
4.หารูปแบบที่ทำให้การเจรจาการค้ากับต่างประเทศซึ่งปัจจุบันเป็นหน้าที่ของกระทรวง พาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการคลัง เพื่อสามารถทำให้นโยบายและการดำเนินงาน เป็นเอกภาพได้
5. เร่งรัดการดำเนินงานตามโครงการเหลี่ยมเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่จะต้องประสานงานร่วมมือ กับประเทศเพื่อนบ้าน คือ กลุ่มประเทศ 6 ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง และกลุ่มประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซียในภายใต้ เพื่อความเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้
6. สร้างบทบาทของประเทศไทยให้เห็นเด่นชัดในองค์กรการค้าของโลก (WTO) โดยเฉพาะ ในด้านการค้าสินค้าเกษตร
7. ปรับปรุงวิธีการประเมินภาษีศุลกากรให้เป็นมาตรฐานและเป็นธรรม
8. การทำความตกลงในสนธิสัญญาป้องกันการเก็บภาษีซ้อนกับต่างประเทศคู่ค้าลงทุนที่สำคัญ ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา
9.ปล่อยเสรีมากขึ้นในด้านการบินระหว่างประเทศ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ส่วนรวม โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวมากกว่าผลประโยชน์ขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง
10. ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวให้เหมาะสมสอดคล้อง กับนโยบายเศรษฐกิจเสรี
11. สังคายนาระบบคนเข้าเมือง เพื่อสนับสนุนให้ผู้ลงทุนชาวต่างประเทศเข้าประเทศ และ ดำเนินธุรกิจของตนได้สะดวกมากขึ้น
12. ปล่อยเสรีหรือผ่อนคลายข้อจำกัดให้ชาวต่างประเทศซื้อที่พักอาศัยประเภท condominium ได้
13. ส่งเสริมการผลิตอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มาจากการปศุสัตว์ ซึ่งเป็นปัญหาในด้านค่า ครองชีพอยู่ในปัจจุบัน โดยสนับสนุนให้มีการพัฒนาการผลิตอย่างครบวงจร
14. เลิกระบบการห้ามนำเข้าสินค้าทุกประเภท เว้นแต่เป็นการห้ามนำเข้าด้วยเหตุผลใน ด้านความั่นคงและปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายเศรษฐกิจเสรี และมีผลในด้านการลดราคาสินค้า และ ค่าครองชีพ
15. รีบปรุบปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการผูกขาดและการส่งเสริมการแข่งขันให้ เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก
16. เร่งรัดการดำเนินงานด้านการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม หรือเขตอุตสาหกรรม และสนับสนุน การลงทุนในนิคมหรือเขตดังกล่าว
17. ใช้มาตรการการคลัง เพื่อให้ภาคธุรกิจนำค่าใช้จ่ายในด้านการวิจัยและการพัฒนา (Research and Development) มาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีของประเทศ (ขณะนี้หักได้ 1.5 เท่า)
18. จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐบาลและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (กรอ.) เป็นประจำทุกเดือน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน
--ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)-วันที่ 21 สิงหาคม 2538--