ทำเนียบรัฐบาล--15 มิ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามที่คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) เสนอ มติคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ รวม 2 เรื่อง คือ
1. หลักการการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนของบริษัทขนส่ง จำกัด (บ.ข.ส.) รวมทั้งมาตรการและแนวทางในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทขนส่ง จำกัด ดังนี้
1.1 ในหลักการเห็นสมควรแยกกิจกรรมหลักของ บ.ข.ส. ออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนจัดการเดินรถ และส่วนการเดินรถ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐที่จะแยกผู้ประกอบการ (Operator) ผู้กำกับดูแล (Regulator) และการกำหนดนโยบาย (PolicyMaker) ออกจากกัน
1.2 ส่วนการเดินรถของ บ.ข.ส. ให้ บ.ข.ส. กระจายหุ้นให้เอกชนและลดสัดส่วนการถือหุ้นของรัฐให้น้อยกว่าร้อยละ 50
1.3 ส่วนจัดการเดินรถได้แก่ อำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลการเดินรถทั้งในส่วนของ บ.ข.ส. ในฐานะคู่สัญญาสัมปทาน การบริการสถานีขนส่ง และอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการเดินรถ และอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลการเดินรถในส่วนของกรมการขนส่งทางบกตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ในปัจจุบัน เช่น สถานีขนส่ง การให้สัมปทานเส้นทาง เห็นสมควรมอบให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาว่าควรมีองค์กรอิสระกำกับดูแลการเดินรถหรือไม่ และอำนาจหน้าที่กำกับดูแลจะอยู่ที่กรมการขนส่งทางบก หรือรัฐวิสาหกิจ หรือตั้งองค์กรอิสระ และเสนอคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจพิจารณาต่อไป
1.4 เพื่อให้กิจการในส่วนการเดินรถของ บ.ข.ส. พร้อมที่จะแข่งขันในตลาดได้ในอนาคต และมีการบริหารงานเชิงธุรกิจเต็มตัว รวมทั้งให้องค์กรมีการบริหารงาน มีการดำเนินงานและพัฒนาบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะมีผลดีต่อการแปรรูปในอนาคต เห็นสมควรให้ บ.ข.ส. เร่งดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1) ปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัว เน้นประสิทธิภาพการดำเนินงานและความรับผิดชอบต่อผลงานให้สอดรับกับแนวทางการแปรรูปในอนาคต
2) ปรับปรุงการบริหารจัดการที่ทันสมัย ด้วยการกระจายและมอบอำนาจ ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น สร้างกลไกการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาระบบข้อมูลและระบบการเงินการบัญชีให้สามารถรู้ต้นทุนทำการ ปรับระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานและกำหนดกรอบการประสานงานที่ชัดเจน
3) พัฒนาบุคลากรซึ่งเป็นหัวใจของธุรกิจ ด้วยการจัดคนลงในตำแหน่งงานที่เหมาะสม ฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะความรู้ความเข้าใจ ปรับเปลี่ยนระบบการให้รางวัลและผลตอบแทน และโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด (Early Retirement) รวมทั้งเตรียมแผนงานด้านบุคคลไว้ให้พร้อมสำหรับการแปรรูปในอนาคต
4) ปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และบริหารงานเป็นศูนย์กำไร (Profit Center) อันประกอบด้วย ศูนย์การเดินรถต่าง ๆ ศูนย์บริหารสถานี ศูนย์อบรมและพัฒนา เป็นต้น โดยแต่ละศูนย์กำไรทำงานเป็นเอกชนมีรายรับ รายจ่าย เป็นของตนเองและมุ่งหากำไร ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ร่วมพิจารณาดำเนินการดังกล่าวตามข้อ 1.4 ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน 3 เดือน แล้วนำเสนอคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจพิจารณาอนุมัติต่อไป
1.5 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบก และบริษัทขนส่ง จำกัด รายงานผลการดำเนินงานในข้อ 1.2 - 1.4 ให้คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจทราบทุก ๆ 3 เดือน
2. หลักการการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนขององค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) รวมทั้งมาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาการขาดทุน และปรับโครงสร้างองค์กร ก่อนแปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัด ดังนี้
2.1 ในหลักการเห็นสมควรให้ดำเนินการแปลงสภาพ ร.ส.พ. เป็นบริษัทจำกัด โดยดำเนินการตามแนวทางตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจที่จะมีผลใช้บังคับ และเมื่อแปลงเป็นบริษัทจำกัดแล้ว ก็ให้ดำเนินการหาเอกชนผู้สนใจร่วมลงทุนใน ร.ส.พ.ที่แปลงเป็นบริษัท จำกัด โดยการขายหุ้นเดิมหรือหุ้นเพิ่มทุนให้แก่เอกชนจนพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ ในการนี้ รัฐอาจคงสิทธิพิเศษในการขนส่งสินค้าให้แก่หน่วยงานของรัฐไว้ระยะเวลาหนึ่ง เช่น 3 ปี นับแต่แปลงทุนเห็นหุ้น โดยมีเงื่อนไขว่าไม่ว่าจะขายหุ้นของ ร.ส.พ. ได้หรือไม่ก็ให้ยกเลิกสิทธิพิเศษของ ร.ส.พ. ดังกล่าวทันที
2.2 เพื่อเตรียมความพร้อมในการแปลงสภาพ ร.ส.พ. เป็นบริษัทจำกัด เห็นสมควรให้กระทรวงคมนาคมแต่งตั้งคณะกรรมการประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสำนักงบประมาณ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และผู้แทน ร.ส.พ. เพื่อศึกษารายละเอียดเตรียมการแปลงสภาพ ร.ส.พ. ให้เป็นบริษัทจำกัดโดยรายละเอียดดังกล่าวอย่างน้อยจะต้องครอบคลุมในเรื่องต่อไปนี้
1) พิจารณาว่า ร.ส.พ. ควรแปลงเป็นบริษัทเดียวหรือหลายบริษัทตามกิจกรรมหลัก
2) จัดทำบริคณห์สนธิของบริษัทที่แปลงมาจาก ร.ส.พ.
3) จัดทำรายละเอียดทรัพย์สิน เพื่อจะประเมินราคาทรัพย์สินใหม่ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนและเมื่อพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจมีผลบังคับใช้ ก็ให้ดำเนินการตามขั้นตอนปกติของพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจต่อไป
2.3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางการเงิน และการบริหารของ ร.ส.พ. ให้สามารถรองรับการแข่งขันกับเอกชนในอนาคตก่อนการแปลงสภาพ ร.ส.พ. เป็นบริษัท จำกัด เห็นสมควรให้ ร.ส.พ. พิจารณาดำเนินการในเรื่องดังต่อไปนี้
1) กำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาทางด้านการเงิน ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ ร.ส.พ. โดยมีแผนดำเนินการ เป้าหมายตัวเลข และระยะเวลาที่ชัดเจน เพื่อเป็นการติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะต้องครอบคลุมเป้าหมายต่าง ๆ ดังต่อไปนี้เป็นอย่างน้อย
(1) เป้าหมายการควบคุม และ/หรือลดค่าใช้จ่าย
(2) เป้าหมายส่งเสริมการหารายได้ และส่งเสริมการใช้รถให้มีประสิทธิภาพ
(3) เป้าหมายควบคุมและลดจำนวนพนักงานที่ล้นงาน ซึ่งอาจกำหนดเป็นมาตรการไม่ให้รับพนักงานเพิ่ม หรืออาจกำหนดโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด
(4) เป้าหมายการลดภาระหนี้สินของ ร.ส.พ.
(5) เป้าหมายการจัดเก็บหนี้ที่ค้างชำระเป็นระยะเวลานาน
(6) เป้าหมายจัดทำระบบบัญชีต้นทุนการบริการทุกประเภท เพื่อให้รู้ต้นทุนบริการที่แท้จริง
(7) เป้าหมายจัดทำบัญชี เพื่อแสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานให้เป็นปัจจุบัน เนื่องจากงบการเงินของร.ส.พ. ปิดเพียงวันที่ 30 กันยายน 2538 เท่านั้น
2) กำหนดมาตรการปรับปรุงการบริหารของ ร.ส.พ. ให้มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับกิจการของ ร.ส.พ. ที่จะแปลงเป็นบริษัทในอนาคต โดยจะต้องพิจารณาดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เป็นอย่างน้อย
(1) กำหนดกิจกรรมที่ ร.ส.พ. ควรจะทำหรือไม่ทำ เช่น กิจกรรมโรงพิมพ์ ซึ่งมิใช่กิจกรรมหลักก็ควรจำหน่ายจ่ายโอนออกจาก ร.ส.พ. ที่เป็นบริษัท
(2) ลดขนาดองค์กรของ ร.ส.พ. ลงให้เหมาะสมกับกิจกรรมหลักที่ ร.ส.พ. ยังคงดำเนินการอยู่
(3) กำหนดจำนวนบุคลากรที่เหมาะสมกับองค์กร ร.ส.พ. ที่จะลดขนาดและกิจกรรมลง เพื่อให้สอดคล้องกัน
(4) จัดให้มีการบริหารงานการจัดการที่ดี (Good Governance) ให้ ร.ส.พ. ที่จะเป็นบริษัทจำกัด
(5) ปรับทัศนคติของบุคลากรภายในองค์กร และปรับระบบกระบวนการต่าง ๆ ภายในองค์กร เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงาน และให้สามารถแข่งขันกับธุรกิจเอกชนได้ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
2.4 ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเร่งรัดให้มีการจัดตั้งองค์กรกลางอิสระเพื่อกำกับดูแลการประกอบธุรกิจในสาขาขนส่งทางบก ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นผู้พิจารณาดำเนินการในเรื่องนี้โดยด่วนให้แล้วเสร็จภายในปี 2542
ทั้งนี้ ให้เสนอผลการพิจารณาให้คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจพิจารณาอนุมัติต่อไป พร้อมนี้กำหนดให้รายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานตามข้อ 2.2 - 2.4 ให้คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจทราบทุก ๆ 3 เดือน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 15 มิถุนายน 2542--
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามที่คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) เสนอ มติคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ รวม 2 เรื่อง คือ
1. หลักการการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนของบริษัทขนส่ง จำกัด (บ.ข.ส.) รวมทั้งมาตรการและแนวทางในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทขนส่ง จำกัด ดังนี้
1.1 ในหลักการเห็นสมควรแยกกิจกรรมหลักของ บ.ข.ส. ออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนจัดการเดินรถ และส่วนการเดินรถ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐที่จะแยกผู้ประกอบการ (Operator) ผู้กำกับดูแล (Regulator) และการกำหนดนโยบาย (PolicyMaker) ออกจากกัน
1.2 ส่วนการเดินรถของ บ.ข.ส. ให้ บ.ข.ส. กระจายหุ้นให้เอกชนและลดสัดส่วนการถือหุ้นของรัฐให้น้อยกว่าร้อยละ 50
1.3 ส่วนจัดการเดินรถได้แก่ อำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลการเดินรถทั้งในส่วนของ บ.ข.ส. ในฐานะคู่สัญญาสัมปทาน การบริการสถานีขนส่ง และอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการเดินรถ และอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลการเดินรถในส่วนของกรมการขนส่งทางบกตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ในปัจจุบัน เช่น สถานีขนส่ง การให้สัมปทานเส้นทาง เห็นสมควรมอบให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาว่าควรมีองค์กรอิสระกำกับดูแลการเดินรถหรือไม่ และอำนาจหน้าที่กำกับดูแลจะอยู่ที่กรมการขนส่งทางบก หรือรัฐวิสาหกิจ หรือตั้งองค์กรอิสระ และเสนอคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจพิจารณาต่อไป
1.4 เพื่อให้กิจการในส่วนการเดินรถของ บ.ข.ส. พร้อมที่จะแข่งขันในตลาดได้ในอนาคต และมีการบริหารงานเชิงธุรกิจเต็มตัว รวมทั้งให้องค์กรมีการบริหารงาน มีการดำเนินงานและพัฒนาบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะมีผลดีต่อการแปรรูปในอนาคต เห็นสมควรให้ บ.ข.ส. เร่งดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1) ปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัว เน้นประสิทธิภาพการดำเนินงานและความรับผิดชอบต่อผลงานให้สอดรับกับแนวทางการแปรรูปในอนาคต
2) ปรับปรุงการบริหารจัดการที่ทันสมัย ด้วยการกระจายและมอบอำนาจ ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น สร้างกลไกการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาระบบข้อมูลและระบบการเงินการบัญชีให้สามารถรู้ต้นทุนทำการ ปรับระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานและกำหนดกรอบการประสานงานที่ชัดเจน
3) พัฒนาบุคลากรซึ่งเป็นหัวใจของธุรกิจ ด้วยการจัดคนลงในตำแหน่งงานที่เหมาะสม ฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะความรู้ความเข้าใจ ปรับเปลี่ยนระบบการให้รางวัลและผลตอบแทน และโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด (Early Retirement) รวมทั้งเตรียมแผนงานด้านบุคคลไว้ให้พร้อมสำหรับการแปรรูปในอนาคต
4) ปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และบริหารงานเป็นศูนย์กำไร (Profit Center) อันประกอบด้วย ศูนย์การเดินรถต่าง ๆ ศูนย์บริหารสถานี ศูนย์อบรมและพัฒนา เป็นต้น โดยแต่ละศูนย์กำไรทำงานเป็นเอกชนมีรายรับ รายจ่าย เป็นของตนเองและมุ่งหากำไร ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ร่วมพิจารณาดำเนินการดังกล่าวตามข้อ 1.4 ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน 3 เดือน แล้วนำเสนอคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจพิจารณาอนุมัติต่อไป
1.5 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบก และบริษัทขนส่ง จำกัด รายงานผลการดำเนินงานในข้อ 1.2 - 1.4 ให้คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจทราบทุก ๆ 3 เดือน
2. หลักการการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนขององค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) รวมทั้งมาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาการขาดทุน และปรับโครงสร้างองค์กร ก่อนแปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัด ดังนี้
2.1 ในหลักการเห็นสมควรให้ดำเนินการแปลงสภาพ ร.ส.พ. เป็นบริษัทจำกัด โดยดำเนินการตามแนวทางตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจที่จะมีผลใช้บังคับ และเมื่อแปลงเป็นบริษัทจำกัดแล้ว ก็ให้ดำเนินการหาเอกชนผู้สนใจร่วมลงทุนใน ร.ส.พ.ที่แปลงเป็นบริษัท จำกัด โดยการขายหุ้นเดิมหรือหุ้นเพิ่มทุนให้แก่เอกชนจนพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ ในการนี้ รัฐอาจคงสิทธิพิเศษในการขนส่งสินค้าให้แก่หน่วยงานของรัฐไว้ระยะเวลาหนึ่ง เช่น 3 ปี นับแต่แปลงทุนเห็นหุ้น โดยมีเงื่อนไขว่าไม่ว่าจะขายหุ้นของ ร.ส.พ. ได้หรือไม่ก็ให้ยกเลิกสิทธิพิเศษของ ร.ส.พ. ดังกล่าวทันที
2.2 เพื่อเตรียมความพร้อมในการแปลงสภาพ ร.ส.พ. เป็นบริษัทจำกัด เห็นสมควรให้กระทรวงคมนาคมแต่งตั้งคณะกรรมการประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสำนักงบประมาณ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และผู้แทน ร.ส.พ. เพื่อศึกษารายละเอียดเตรียมการแปลงสภาพ ร.ส.พ. ให้เป็นบริษัทจำกัดโดยรายละเอียดดังกล่าวอย่างน้อยจะต้องครอบคลุมในเรื่องต่อไปนี้
1) พิจารณาว่า ร.ส.พ. ควรแปลงเป็นบริษัทเดียวหรือหลายบริษัทตามกิจกรรมหลัก
2) จัดทำบริคณห์สนธิของบริษัทที่แปลงมาจาก ร.ส.พ.
3) จัดทำรายละเอียดทรัพย์สิน เพื่อจะประเมินราคาทรัพย์สินใหม่ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนและเมื่อพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจมีผลบังคับใช้ ก็ให้ดำเนินการตามขั้นตอนปกติของพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจต่อไป
2.3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางการเงิน และการบริหารของ ร.ส.พ. ให้สามารถรองรับการแข่งขันกับเอกชนในอนาคตก่อนการแปลงสภาพ ร.ส.พ. เป็นบริษัท จำกัด เห็นสมควรให้ ร.ส.พ. พิจารณาดำเนินการในเรื่องดังต่อไปนี้
1) กำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาทางด้านการเงิน ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ ร.ส.พ. โดยมีแผนดำเนินการ เป้าหมายตัวเลข และระยะเวลาที่ชัดเจน เพื่อเป็นการติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะต้องครอบคลุมเป้าหมายต่าง ๆ ดังต่อไปนี้เป็นอย่างน้อย
(1) เป้าหมายการควบคุม และ/หรือลดค่าใช้จ่าย
(2) เป้าหมายส่งเสริมการหารายได้ และส่งเสริมการใช้รถให้มีประสิทธิภาพ
(3) เป้าหมายควบคุมและลดจำนวนพนักงานที่ล้นงาน ซึ่งอาจกำหนดเป็นมาตรการไม่ให้รับพนักงานเพิ่ม หรืออาจกำหนดโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด
(4) เป้าหมายการลดภาระหนี้สินของ ร.ส.พ.
(5) เป้าหมายการจัดเก็บหนี้ที่ค้างชำระเป็นระยะเวลานาน
(6) เป้าหมายจัดทำระบบบัญชีต้นทุนการบริการทุกประเภท เพื่อให้รู้ต้นทุนบริการที่แท้จริง
(7) เป้าหมายจัดทำบัญชี เพื่อแสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานให้เป็นปัจจุบัน เนื่องจากงบการเงินของร.ส.พ. ปิดเพียงวันที่ 30 กันยายน 2538 เท่านั้น
2) กำหนดมาตรการปรับปรุงการบริหารของ ร.ส.พ. ให้มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับกิจการของ ร.ส.พ. ที่จะแปลงเป็นบริษัทในอนาคต โดยจะต้องพิจารณาดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เป็นอย่างน้อย
(1) กำหนดกิจกรรมที่ ร.ส.พ. ควรจะทำหรือไม่ทำ เช่น กิจกรรมโรงพิมพ์ ซึ่งมิใช่กิจกรรมหลักก็ควรจำหน่ายจ่ายโอนออกจาก ร.ส.พ. ที่เป็นบริษัท
(2) ลดขนาดองค์กรของ ร.ส.พ. ลงให้เหมาะสมกับกิจกรรมหลักที่ ร.ส.พ. ยังคงดำเนินการอยู่
(3) กำหนดจำนวนบุคลากรที่เหมาะสมกับองค์กร ร.ส.พ. ที่จะลดขนาดและกิจกรรมลง เพื่อให้สอดคล้องกัน
(4) จัดให้มีการบริหารงานการจัดการที่ดี (Good Governance) ให้ ร.ส.พ. ที่จะเป็นบริษัทจำกัด
(5) ปรับทัศนคติของบุคลากรภายในองค์กร และปรับระบบกระบวนการต่าง ๆ ภายในองค์กร เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงาน และให้สามารถแข่งขันกับธุรกิจเอกชนได้ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
2.4 ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเร่งรัดให้มีการจัดตั้งองค์กรกลางอิสระเพื่อกำกับดูแลการประกอบธุรกิจในสาขาขนส่งทางบก ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นผู้พิจารณาดำเนินการในเรื่องนี้โดยด่วนให้แล้วเสร็จภายในปี 2542
ทั้งนี้ ให้เสนอผลการพิจารณาให้คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจพิจารณาอนุมัติต่อไป พร้อมนี้กำหนดให้รายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานตามข้อ 2.2 - 2.4 ให้คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจทราบทุก ๆ 3 เดือน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 15 มิถุนายน 2542--