ทำเนียบรัฐบาล--15 ม.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบมาตรการฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับนโยบาย และมาตรการต่าง ๆ ไปดำเนินการอย่างเร่งด่วนต่อไป ดังนี้
มาตรการแก้ไขปัญหาทางการเงิน
1. ดำเนินการให้สถาบันการเงิน ให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีปัญหาทางการเงิน โดยขยายกำหนดเวลาชำระหนี้และดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับฐานะการเงินของลูกหนี้
2. สนับสนุนให้สถาบันการเงินต่าง ๆ คือ ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุน ซึ่งอำนวยสินเชื่อให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร่วมกันจัดตั้งบริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อดำเนินการรับซื้อหนี้และสินทรัพย์จากกิจการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Resolution Property Trust Fund) ในราคาส่วนลดในวงเงินประมาณ 50,000 ล้านบาท อันจะมีผลเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับสถาบันการเงินและตลาดการเงิน โดยบริษัทฯ จะสามารถหาผลประโยชน์คุ้มเงินลงทุนได้ในระยะยาว
3. ส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมาโดยมาตรการของ กลต.มีวงเงินกองทุนละ 500 ล้านบาท โดยมีหน่วยจำหน่ายให้ผู้ลงทุนรายย่อย เพื่อจัดซื้อ อสังหาริมทรัพย์มาหาผลประโยชน์จากค่าเช่า
4. ส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมา โดยมาตรการของ กลต.เช่นกัน แต่จะมีวงเงินกองทุนมากกว่า และมีหน่วยจำหน่ายให้กับสถาบันธุรกิจ เพื่อจัดซื้ออสังหาริมทรัพย์มาดำเนินการในด้านธุรกิจ ทั้งบริการให้เช่าและบริการพัฒนา และบริการจำหน่าย
5. เร่งรัดการตรากฎหมายเพื่อให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถแปลงทรัพย์สิน เป็นตราสารหนี้เพื่อจำหน่ายให้บุคคลต่าง ๆ ได้ (securitzation) เพื่อให้ธุรกิจมีสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น
สำหรับการดำเนินงานตามข้อ 2, 3 และ 4 ดังกล่าวข้างต้น ขอให้กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทยลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์ ให้อยู่ในอัตราต่ำสุดเท่าที่จะเป็นไปตามกฎหมาย เฉพาะในช่วงที่มีการโอนเข้าบริษัทจัดการหรือกองทุนอสังหาริมทรัพย์
มาตรการเพิ่มอุปสงค์ในตลาด
1.ให้ผู้ซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัยที่โอนกรรมสิทธิ์ในปี พ.ศ.2540 ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากการขาย (capital gains) อสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว ถ้าการขายกระทำภายในสิ้นปี พ.ศ.2540
2. ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์และธนาคารออมสิน ร่วมกันให้สินเชื่อบ้านพักและที่อยู่อาศัยให้แก่ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ในวงเงินเพิ่มขึ้นจากที่ดำเนินการอยู่แล้วอีก 20,000 ล้านบาท โดยธนาคารแห่งประเทศไทยจะให้เงินกู้สมทบส่วนหนึ่งในอัตราดอกเบี้ยต่ำในวงเงิน 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้สถาบันการเงินดังกล่าวจะคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 9 และมีระยะเวลาผ่อนชำระ 15 ปี ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ถือปฏิบัติอยู่แล้ว
3. ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ที่ต้องการสถานที่ทำการหรือที่อยู่อาศัยให้กับเจ้าหน้าที่พิจารณาซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างไว้แล้วในภาคเอกชน โดยให้สำนักงบประมาณและส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ หรือรัฐวิสาหกิจร่วมกันพิจารณาดำเนินนการตามความเหมาะสมได้
4.ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์เปิดดำเนินกิจการตลาดรองเงินกู้ที่อยู่อาศัย (secondary mortgage deparment) ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในการนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์จะไม่ต้องรับความเสี่ยงจากการให้กู้ หรือต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแต่อย่างใด ทั้งนี้ จนกว่าจะมีการตรากฎหมายจัดตั้งบรรษัทเพื่อดำเนินกิจการ ตลาดรองเงินกู้ที่อยู่อาศัยขึ้นมา นอกจากนี้ในการดำเนินกิจการตลาดรองดังกล่าว ให้ยกเว้นหรือลดค่าธรรมเนียบจดจำนองตามโครงการนี้ให้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ด้วย
ทั้งนี้ เนื่องจาก ได้พิจารณาเห็นว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีปัญหาที่เกี่ยวโยงไปถึงสถาบันการเงินและอุตสาหกรรมอื่น ๆ สมควรที่จะได้รับการพิจารณาช่วยเหลือจากรัฐบาล โดยเฉพาะในด้านภาระสินเชื่อและดอกเบี้ยของธุรกิจประเภทนี้ และในด้านการกระตุ้นอุปสงค์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในเรื่องนี้กระทรวงการคลังได้จัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมาโดยเฉพาะแล้ว โดยเน้นความสำคัญของการเพิ่มสภาพคล่อง ลดอัตราดอกเบี้ยและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยมาตรการกองทุนรวม และแหล่งทุนลักษณะอื่นของสถาบันการเงินต่าง ๆ ทั้งนี้ โดยหลีกเลี่ยงมาตรการลดภาษีอากรซึ่งจะมีผลกระทบต่อฐานะการคลังในปัจจุบัน หรือมีผลเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
สำหรับมาตรการในการถือครองกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย (คอนโดมิเนียม) ของคนต่างชาติในประเทศไทยนั้น ให้ทางกระทรวงมหาดไทยให้หามาตรการผ่อนคลาย และนำเรื่องเสนอเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 14 มกราคม 2540--
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบมาตรการฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับนโยบาย และมาตรการต่าง ๆ ไปดำเนินการอย่างเร่งด่วนต่อไป ดังนี้
มาตรการแก้ไขปัญหาทางการเงิน
1. ดำเนินการให้สถาบันการเงิน ให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีปัญหาทางการเงิน โดยขยายกำหนดเวลาชำระหนี้และดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับฐานะการเงินของลูกหนี้
2. สนับสนุนให้สถาบันการเงินต่าง ๆ คือ ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุน ซึ่งอำนวยสินเชื่อให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร่วมกันจัดตั้งบริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อดำเนินการรับซื้อหนี้และสินทรัพย์จากกิจการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Resolution Property Trust Fund) ในราคาส่วนลดในวงเงินประมาณ 50,000 ล้านบาท อันจะมีผลเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับสถาบันการเงินและตลาดการเงิน โดยบริษัทฯ จะสามารถหาผลประโยชน์คุ้มเงินลงทุนได้ในระยะยาว
3. ส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมาโดยมาตรการของ กลต.มีวงเงินกองทุนละ 500 ล้านบาท โดยมีหน่วยจำหน่ายให้ผู้ลงทุนรายย่อย เพื่อจัดซื้อ อสังหาริมทรัพย์มาหาผลประโยชน์จากค่าเช่า
4. ส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมา โดยมาตรการของ กลต.เช่นกัน แต่จะมีวงเงินกองทุนมากกว่า และมีหน่วยจำหน่ายให้กับสถาบันธุรกิจ เพื่อจัดซื้ออสังหาริมทรัพย์มาดำเนินการในด้านธุรกิจ ทั้งบริการให้เช่าและบริการพัฒนา และบริการจำหน่าย
5. เร่งรัดการตรากฎหมายเพื่อให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถแปลงทรัพย์สิน เป็นตราสารหนี้เพื่อจำหน่ายให้บุคคลต่าง ๆ ได้ (securitzation) เพื่อให้ธุรกิจมีสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น
สำหรับการดำเนินงานตามข้อ 2, 3 และ 4 ดังกล่าวข้างต้น ขอให้กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทยลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์ ให้อยู่ในอัตราต่ำสุดเท่าที่จะเป็นไปตามกฎหมาย เฉพาะในช่วงที่มีการโอนเข้าบริษัทจัดการหรือกองทุนอสังหาริมทรัพย์
มาตรการเพิ่มอุปสงค์ในตลาด
1.ให้ผู้ซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัยที่โอนกรรมสิทธิ์ในปี พ.ศ.2540 ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากการขาย (capital gains) อสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว ถ้าการขายกระทำภายในสิ้นปี พ.ศ.2540
2. ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์และธนาคารออมสิน ร่วมกันให้สินเชื่อบ้านพักและที่อยู่อาศัยให้แก่ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ในวงเงินเพิ่มขึ้นจากที่ดำเนินการอยู่แล้วอีก 20,000 ล้านบาท โดยธนาคารแห่งประเทศไทยจะให้เงินกู้สมทบส่วนหนึ่งในอัตราดอกเบี้ยต่ำในวงเงิน 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้สถาบันการเงินดังกล่าวจะคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 9 และมีระยะเวลาผ่อนชำระ 15 ปี ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ถือปฏิบัติอยู่แล้ว
3. ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ที่ต้องการสถานที่ทำการหรือที่อยู่อาศัยให้กับเจ้าหน้าที่พิจารณาซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างไว้แล้วในภาคเอกชน โดยให้สำนักงบประมาณและส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ หรือรัฐวิสาหกิจร่วมกันพิจารณาดำเนินนการตามความเหมาะสมได้
4.ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์เปิดดำเนินกิจการตลาดรองเงินกู้ที่อยู่อาศัย (secondary mortgage deparment) ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในการนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์จะไม่ต้องรับความเสี่ยงจากการให้กู้ หรือต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแต่อย่างใด ทั้งนี้ จนกว่าจะมีการตรากฎหมายจัดตั้งบรรษัทเพื่อดำเนินกิจการ ตลาดรองเงินกู้ที่อยู่อาศัยขึ้นมา นอกจากนี้ในการดำเนินกิจการตลาดรองดังกล่าว ให้ยกเว้นหรือลดค่าธรรมเนียบจดจำนองตามโครงการนี้ให้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ด้วย
ทั้งนี้ เนื่องจาก ได้พิจารณาเห็นว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีปัญหาที่เกี่ยวโยงไปถึงสถาบันการเงินและอุตสาหกรรมอื่น ๆ สมควรที่จะได้รับการพิจารณาช่วยเหลือจากรัฐบาล โดยเฉพาะในด้านภาระสินเชื่อและดอกเบี้ยของธุรกิจประเภทนี้ และในด้านการกระตุ้นอุปสงค์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในเรื่องนี้กระทรวงการคลังได้จัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมาโดยเฉพาะแล้ว โดยเน้นความสำคัญของการเพิ่มสภาพคล่อง ลดอัตราดอกเบี้ยและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยมาตรการกองทุนรวม และแหล่งทุนลักษณะอื่นของสถาบันการเงินต่าง ๆ ทั้งนี้ โดยหลีกเลี่ยงมาตรการลดภาษีอากรซึ่งจะมีผลกระทบต่อฐานะการคลังในปัจจุบัน หรือมีผลเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
สำหรับมาตรการในการถือครองกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย (คอนโดมิเนียม) ของคนต่างชาติในประเทศไทยนั้น ให้ทางกระทรวงมหาดไทยให้หามาตรการผ่อนคลาย และนำเรื่องเสนอเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 14 มกราคม 2540--