ทำเนียบรัฐบาล--12 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมเอเชีย - ยุโรป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเสนอ และอนุมัติหลักการให้ขยายศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อมของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ให้รองรับงานของศูนย์เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมเอเชีย - ยุโรป สำหรับการจัดโครงสร้างองค์กรอัตรากำลังและงบประมาณ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม) ขอทำความตกลงกับ สำนักงาน ก.พ. คณะกรรมการปฏิรูประบบข้าราชการ และสำนักงบประมาณ ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยพิจารณาเห็นว่า การจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมเอเชีย - ยุโรป มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนางานวิจัยและพัฒนาด้านการควบคุมมลพิษและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เป็นศูนย์กลางการประเมินเทคโนโลยีและข้อมูลระดับภูมิภาค พัฒนาบุคลากรด้านสิ่งแวดล้อม การประชาสัมพันธ์และสร้างจิตสำนึก ตลอดจนการสนับสนุนการค้าทางด้านเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม โดยประเทศไทยมีศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับกองภายใต้กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่ในลักษณะที่สอดคล้องกันอยู่เพื่อเป็นการเสริมงานที่มีอยู่เดิมและเพื่อพัฒนาบุคลากรให้รองรับงานของศูนย์เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมเอเชีย - ยุโรปที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีผลดีในด้านต่าง ๆ ดังนี้
1. เป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ในอันที่จะพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยีการควบคุมมลพิษการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาบุคลากร ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 และนโยบายของรัฐที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง 2 ภูมิภาคเอเชียและยุโรป
2. การพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยีการควบคุมมลพิษ การติดตามตรวจสอบ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ ง่ายต่อการดูแลและบำรุงรักษา ทำให้การดูแลระบบบำบัดของเสียประเภทต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศที่มีราคาแพง ซึ่งเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลในอันที่จะต้องตามแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ การพิจารณาบุคคลากรเพื่อรองรับงานด้านการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม จะช่วยส่งเสริมธุรกิจและการลงทุน ทำให้การดำเนินงานพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืนและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในที่สุด
3. รัฐจะต้องจัดเตรียมงบประมาณรายจ่ายมากขึ้น แต่เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการต่าง ๆ โดยมิได้มีการพิจารณาเลือกเทคโนโลยีในการจัดการควบคุมมลพิษ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่เหมาะสม ทำให้การแก้ไขปัญหาจะต้องใช้งบประมาณที่สูงมาก รวมทั้งอาจก่อผลกระทบสิ่งแวดล้อมบางประการที่แก้ไขมิได้ เช่น ในด้านทรัพยากรธรรมชาติ การจัดการมลพิษ ทำให้เกิดความสูญเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในมูลค่าที่ประเมินมิได้
4. การพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยีการควบคุมมลพิษ การติดตามตรวจสอบการจัดระบบข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม การถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะจากเอเชียและยุโรป จะมีผลทำให้การพัฒนาระบบการกำจัดของเสียภายในประเทศเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะทำให้การจัดการแก้ไขและป้องกันปัญหามลภาวะด้านต่าง ๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ประเทศไทย แต่รวมทั้งประเทศในภูมิภาค เนื่องจากปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระดับภูมิภาค เช่น มลพิษจากน้ำ อากาศ ขยะและสิ่งปฏิกูล และสารอันตราย
5. ทำให้กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างภูมิภาคเอเชีย - ยุโรป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 12 พฤศจิกายน 2539--
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมเอเชีย - ยุโรป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเสนอ และอนุมัติหลักการให้ขยายศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อมของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ให้รองรับงานของศูนย์เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมเอเชีย - ยุโรป สำหรับการจัดโครงสร้างองค์กรอัตรากำลังและงบประมาณ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม) ขอทำความตกลงกับ สำนักงาน ก.พ. คณะกรรมการปฏิรูประบบข้าราชการ และสำนักงบประมาณ ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยพิจารณาเห็นว่า การจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมเอเชีย - ยุโรป มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนางานวิจัยและพัฒนาด้านการควบคุมมลพิษและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เป็นศูนย์กลางการประเมินเทคโนโลยีและข้อมูลระดับภูมิภาค พัฒนาบุคลากรด้านสิ่งแวดล้อม การประชาสัมพันธ์และสร้างจิตสำนึก ตลอดจนการสนับสนุนการค้าทางด้านเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม โดยประเทศไทยมีศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับกองภายใต้กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่ในลักษณะที่สอดคล้องกันอยู่เพื่อเป็นการเสริมงานที่มีอยู่เดิมและเพื่อพัฒนาบุคลากรให้รองรับงานของศูนย์เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมเอเชีย - ยุโรปที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีผลดีในด้านต่าง ๆ ดังนี้
1. เป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ในอันที่จะพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยีการควบคุมมลพิษการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาบุคลากร ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 และนโยบายของรัฐที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง 2 ภูมิภาคเอเชียและยุโรป
2. การพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยีการควบคุมมลพิษ การติดตามตรวจสอบ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ ง่ายต่อการดูแลและบำรุงรักษา ทำให้การดูแลระบบบำบัดของเสียประเภทต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศที่มีราคาแพง ซึ่งเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลในอันที่จะต้องตามแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ การพิจารณาบุคคลากรเพื่อรองรับงานด้านการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม จะช่วยส่งเสริมธุรกิจและการลงทุน ทำให้การดำเนินงานพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืนและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในที่สุด
3. รัฐจะต้องจัดเตรียมงบประมาณรายจ่ายมากขึ้น แต่เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการต่าง ๆ โดยมิได้มีการพิจารณาเลือกเทคโนโลยีในการจัดการควบคุมมลพิษ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่เหมาะสม ทำให้การแก้ไขปัญหาจะต้องใช้งบประมาณที่สูงมาก รวมทั้งอาจก่อผลกระทบสิ่งแวดล้อมบางประการที่แก้ไขมิได้ เช่น ในด้านทรัพยากรธรรมชาติ การจัดการมลพิษ ทำให้เกิดความสูญเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในมูลค่าที่ประเมินมิได้
4. การพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยีการควบคุมมลพิษ การติดตามตรวจสอบการจัดระบบข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม การถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะจากเอเชียและยุโรป จะมีผลทำให้การพัฒนาระบบการกำจัดของเสียภายในประเทศเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะทำให้การจัดการแก้ไขและป้องกันปัญหามลภาวะด้านต่าง ๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ประเทศไทย แต่รวมทั้งประเทศในภูมิภาค เนื่องจากปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระดับภูมิภาค เช่น มลพิษจากน้ำ อากาศ ขยะและสิ่งปฏิกูล และสารอันตราย
5. ทำให้กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างภูมิภาคเอเชีย - ยุโรป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 12 พฤศจิกายน 2539--