ทำเนียบรัฐบาล--20 ก.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการจัดตั้งบริษัทผู้ให้บริการ แลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange : EDI) ตามรูปแบบและโครงสร้างซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการส่งเสริม การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ
2. ให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็ก ทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ไปดำเนิน การระดมทุนในส่วนของภาคเอกชน
3. ให้หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาเรื่องการเข้าร่วมลงทุน ตามสัดส่วนที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ โดยประสานงานกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ได้เลย และไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
4. ให้บริษัทที่จัดตั้งขึ้นนี้ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน จากสำนักงานคณะกรรมการส่ง เสริมการลงทุน
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตุในเรื่องโครงสร้างการลงทุน ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมจัดให้กระทรวงพาณิชย์เข้าถือหุ้นในบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นด้วย
บริษัทผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange : EDI) เป็นองค์กรที่ให้บริการ EDI ทางการค้าระหว่างประเทศแก่หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ซึ่งได้ แก่ กรมศุลกากร บริษัทการบินไทย (มหาชน) จำกัด การท่าเรือแห่งประเทศไทย และกรมการค้าต่าง ประเทศ ตลอดจนผู้ใช้ในภาคเอกชน โดยจะเริ่มให้บริการใน 2 ระบบ คือ ระบบระเบียบข้อบังคับ (Regulatory System) และระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกลุ่มการค้าทางอากาศ (Air Cargo Community System) นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ส่งเสริมให้เกิดการใช้ EDI อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะใน กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ และมีการดำเนินการในรูปของบริษัทร่วมทุนระหว่าง ภาครัฐและเอกชน โดยมีสัดส่วนการลงทุนระหว่างภาครัฐ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และ ภาคเอกชน คิดเป็น 49 : 6 : 45 โดยไม่ให้มีองค์กรใดองค์กรหนึ่งถือหุ้นเกิน 25% เพื่อให้เกิด ความคล่องตัวในการดำเนินงาน ให้สามารถปรับตัวเพื่อตอบสนองสภาพความต้องการและการแข่งขันใน ตลาดการค้าระหว่างประเทศได้เร็ว และในขณะเดียวกันก็ให้ภาครัฐมีบทบาทระดับหนึ่งในการควบคุมและ กำกับการดำเนินงาน เพื่อป้องกันการนำข้อมูลที่เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศซึ่งถือเป็นข้อมูลของ ทางราชการไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมในระยะยาว เมื่อสถานการณ์ทางการตลาดเปลี่ยนไป อาจพิจารณา เปลี่ยนแปลงสัดส่วนการลงทุนตามความเหมาะสม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 19 กันยายน 2539--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการจัดตั้งบริษัทผู้ให้บริการ แลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange : EDI) ตามรูปแบบและโครงสร้างซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการส่งเสริม การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ
2. ให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็ก ทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ไปดำเนิน การระดมทุนในส่วนของภาคเอกชน
3. ให้หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาเรื่องการเข้าร่วมลงทุน ตามสัดส่วนที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ โดยประสานงานกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ได้เลย และไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
4. ให้บริษัทที่จัดตั้งขึ้นนี้ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน จากสำนักงานคณะกรรมการส่ง เสริมการลงทุน
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตุในเรื่องโครงสร้างการลงทุน ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมจัดให้กระทรวงพาณิชย์เข้าถือหุ้นในบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นด้วย
บริษัทผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange : EDI) เป็นองค์กรที่ให้บริการ EDI ทางการค้าระหว่างประเทศแก่หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ซึ่งได้ แก่ กรมศุลกากร บริษัทการบินไทย (มหาชน) จำกัด การท่าเรือแห่งประเทศไทย และกรมการค้าต่าง ประเทศ ตลอดจนผู้ใช้ในภาคเอกชน โดยจะเริ่มให้บริการใน 2 ระบบ คือ ระบบระเบียบข้อบังคับ (Regulatory System) และระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกลุ่มการค้าทางอากาศ (Air Cargo Community System) นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ส่งเสริมให้เกิดการใช้ EDI อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะใน กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ และมีการดำเนินการในรูปของบริษัทร่วมทุนระหว่าง ภาครัฐและเอกชน โดยมีสัดส่วนการลงทุนระหว่างภาครัฐ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และ ภาคเอกชน คิดเป็น 49 : 6 : 45 โดยไม่ให้มีองค์กรใดองค์กรหนึ่งถือหุ้นเกิน 25% เพื่อให้เกิด ความคล่องตัวในการดำเนินงาน ให้สามารถปรับตัวเพื่อตอบสนองสภาพความต้องการและการแข่งขันใน ตลาดการค้าระหว่างประเทศได้เร็ว และในขณะเดียวกันก็ให้ภาครัฐมีบทบาทระดับหนึ่งในการควบคุมและ กำกับการดำเนินงาน เพื่อป้องกันการนำข้อมูลที่เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศซึ่งถือเป็นข้อมูลของ ทางราชการไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมในระยะยาว เมื่อสถานการณ์ทางการตลาดเปลี่ยนไป อาจพิจารณา เปลี่ยนแปลงสัดส่วนการลงทุนตามความเหมาะสม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 19 กันยายน 2539--